บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2020

ศพพ่อตา

รูปภาพ
เรื่องนี้เคยได้ยินคนเล่าต่อๆ กันมา เป็นเรื่องราวในงานศพของพ่อตาที่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ในงานศพ ลูกเขย 3 คนของพ่อตา ต่างยืนเรียงหน้ากันข้างโลงศพเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย.. ลูกเขยคนโต  มีอาชีพเป็นหมอ ได้พูดขึ้นว่า..  ‘พ่อได้จากพวกเราไปแล้ว.. นี่คือสิ่งที่ผมคงทำให้พ่อได้เป็นครั้งสุดท้าย’  แล้วลูกเขยคนโตก็หยิบเงินสดจำนวน 100,000 บาทใส่ลงไปในโลง และพูดว่า  ‘ผมให้พ่อไปใช้ในภพหน้าครับ..’ ลูกเขยคนกลาง  มีอาชีพเป็นครู เห็นแบบนั้นจึงพูดขึ้นบ้างว่า..  ‘ผมก็คงไม่มีอะไรจะให้พ่อ ตำแหน่งผมก็ยังเล็กอยู่ ผมให้เงินพ่อไปใช้ในภพหน้าแล้วกัน..’  แล้วลูกเขยคนกลางก็หยิบเงินสดจำนวน 70,000 บาท ใส่ลงไปในโลง ส่วน  ลูกเขยคนเล็ก  เป็นตำรวจ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า..  ‘ผมเพิ่งเป็นตำรวจใหม่ๆ เงินเดือนผมก็ยังน้อยอยู่ ผมคงช่วยพ่อได้แค่ 30,000 บาทนะครับ..’  พูดจบลูกเขยคนเล็กก็หยิบเช็คขึ้นมา เขียนตัวเลขลงไป 200,000 บาท และฉีกออกจากเล่มวางใส่ลงไปในโลง แล้วหยิบเงินทอนขึ้นมา 170,000 บาท ก่อนจะร้องห่มร้องไห้เดินจากไป.. Story by  ไม่ทราบที่มา..

ลาก่อนพี่จอม

รูปภาพ
 เรามีพี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เป็นลูกของป้า ชื่อ พี่จอม (นามสมมติ) ตอนนั้นพี่จอมอายุ 19 ย่าง 20 พี่จอมเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย ขยันขันแข็ง ตอนนั้นพี่จอมเองเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ แต่ช่วงปิดเทอม พี่จอมจะกลับมาอยู่บ้าน และหางานทำ ทุกๆ เช้าพี่จอมจะออกไปทำงาน แล้วกลางวันจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน เพราะอยู่ใกล้ๆ วันนั้นก็เป็นอีกวันที่พี่จอมออกไปทำงานแล้วกลับมาทานข้าวกลางวัน เรากำลังเล่นอยู่หน้าบ้าน พี่จอมก็ทักเราปกติ พอพี่จอมทานข้าวเสร็จก็ไปทำงานต่อ แต่ก่อนออกไป ยายเราได้ทักพี่จอมว่า  ‘จอมเป็นอะไรหรือเปล่าลูก เครียดอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าดูหมองๆ’  พี่จอมก็ตอบว่าเปล่าครับ แล้วก็ไปทำงานต่อ โดยที่เราและทุกคนไม่รู้เลยว่า นั่นคือการที่เราจะได้เจอ และได้คุยกับพี่จอมเป็นครั้งสุดท้าย.. ช่วงเวลาเกือบบ่าย 3 ของวันนั้น คุณลุง (พ่อของพี่จอม) ก็ขับรถเข้ามาที่บ้านแล้วบอกทุกคนว่า  ‘จอมเสียแล้ว!’  พวกเราทั้งอึ้ง ทั้งงง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ลุงบอกว่า พี่จอมลงไปซ่อมสายไฟที่อยู่ตรงขอบบ่อปลาในไร่ที่เขาทำงานอยู่ แล้วเจ้าของบ่อยังไม่ได้ตัดกระแสไฟ เท้าของพี่จอมจุ่มลงไปในบ่อเลยทำให้ถูกไฟช็อตเสียชีวิ

ยายสีดา

รูปภาพ
 เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเมื่อปีที่แล้วนี่เอง วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งผมไม่มีงานโอทีต้องไปทำ ผมเลยไปเยี่ยมเพื่อนสมัยเรียน ปวช. ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ไปถึงที่นั่น 8 โมงเช้า ก็นั่งคุยกับเพื่อนผม กับพ่อแม่ และญาติๆ ของมัน.. สักประมาณ 9 โมงเช้า ยายของเพื่อนผมก็ชวนไปวัดที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน ผมก็ไม่ติดอะไรอยู่แล้ว เลยตกลงไปกับครอบครัวของเพื่อนผม ไปถึงวัดก็เดินไปกราบไหว้พระในโบสถ์ เนื่องจากครอบครัวของเพื่อนผมรู้จักกับพระอาจารย์ เลยสนทนาธรรมกันนาน ผมจึงขอตัวลงมาเดินเล่นข้างล่างโบสถ์ แล้วผมก็มองไปเห็นคุณยายคนหนึ่ง ผมสีดอกเลาทั้งหัว อายุน่าจะเกิน 90 ปีแล้ว กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหิน สายตาของคุณยายแกเหม่อมองไปที่ประตูทางเข้าวัด และไม่รู้ผมคิดยังไง ผมเดินตรงไปหาคุณยายพร้อมกับทักแกว่า ‘ยายครับ ผมนั่งคุยด้วยได้ไหมครับ?’ ยายแกก็ตอบมาว่า ‘ได้สิลูก ว่าแต่หนูเป็นใคร ทำไมยายไม่เคยเห็นเลยลูก?’ ผมตอบแกไปว่า ‘อ๋อ..ผมมาจากกรุงเทพฯ ครับยาย มาเยี่ยมเพื่อนที่นี่..’ ระหว่างที่คุณยายแกคุยกับผม สายตาของแกก็เอาแต่มองไปที่ประตูทางเข้าวัด ผมเลยถาม ‘ยายมองหาใครอยู่หรือเปล่าครับ?’ ยายบอกผมว่า ‘ยายมองหาลูกหลานจ้ะ ยาย

สยองที่ทำงาน

รูปภาพ
 เมื่อปี 2555 เราได้เข้าทำงานที่บริษัทค้าวัสดุแห่งหนึ่งใน จังหวัดนครราชสีมา เราทำงานโดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า ที่นี่มีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่ จนมาได้ฟังเรื่องเล่าที่พี่ๆ ยาม ของบริษัทเล่ากันคือ บนหลังคา ที่มองจากด้านหน้าประตูทางเข้า มักจะเห็นมีชายหญิงคู่หนึ่ง มานั่งห้อยขาเล่น.. พี่ๆ ยามบอกว่าเห็นประจำจนชินแล้ว แต่เราก็ไม่เคยเห็นนะคะ จนเมื่อเราทำงานผ่านไปได้ 1 เดือน ก็มีพี่พนักงานคนหนึ่งที่ทุกคนรักเสียชีวิตไป แต่เราไม่ทันได้รู้จักพี่เค้านะคะ เพราะเค้าป่วยมานาน ก่อนที่เราจะเข้ามาเสียอีก.. และด้วยความพี่แกเป็นคนรักงานมาก คงจะมีห่วง จน เราเองที่ไม่เคยเห็นหรือรู้จักพี่เค้าเลย ก็ได้เจอ.. ลองนึกดูนะคะ ตึกจะมีลักษณะเป็นห้างวัสดุชั้นเดียว แต่สูงประมาณ 6 เมตร และจะมีช่องระบายลมเป็นบานเกล็ด อยู่ช่วงประมาณเมตรที่ 5 ..เราเห็นผู้ชายใส่ชุดพนักงานบริษัท นั่งห้อยขามองมาทางกลุ่มพวกเรา แต่เราชี้ให้ใครๆ ดู กลับไม่มีใครเห็นกันเลย เราเลยเอาไปเล่าให้พี่ฝ่ายบุคคลฟัง แกเลยค้นเอารูปพี่คนที่เพิ่งเสียมาให้เราดู เท่านั้นล่ะ น้ำตาเราไหลเลย เพราะเป็นคนเดียวกันแน่ๆ ถึงจะเห็นไกลๆ แต่เราจำได้แม่นเลย หลังจาก

ลุงปริศนา

รูปภาพ
ตอนนี้ผมอายุ 31 ปี อาศัยอยู่ที่จังหวัดชลบุรีครับ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ตรงของผมเอง ซึ่งเป็นการเจอเรื่องลี้ลับแบบจังๆ ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตเลยครับ.. ย้อนกลับไปกว่า 20 ปีที่แล้ว ผมน่าจะอายุราวๆ 8-9 ขวบได้ ถึงแม้ว่ายังเด็ก แต่ผมก็จำเหตุการณ์ และคำพูดสำคัญในตอนนั้นได้จนทุกวันนี้.. ครอบครัวของผมทำอาชีพค้าขายผักผลไม้ที่ตลาดสด อยู่ในตัวอำเภอเมืองชลบุรีครับ ขายตั้งแต่เช้าจนถึงประมาณหัวค่ำกว่าจะกลับ ด้วยความที่ผมยังเด็ก ทำให้ผมต้องติดสอยห้อยตามพ่อแม่ไปที่ตลาดสดทุกๆ วันด้วย บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังวิ่งเล่นกับเด็กๆ ลูกพ่อค้าแม่ค้ารุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ที่ตลาด อยู่ๆ ก็เห็นแม่กำลังเดินมาหาผม ในมือแม่ถือของพะรุงพะรังมาด้วย พอแม่เห็นผมแม่ก็บอกกับผมว่า ‘ไปลูก วันนี้แม่เก็บร้านเร็ว แม่จะไปธุระหน่อย..’ ผมก็ ‘อ้าว กลับแล้วเหรอแม่ กำลังเล่นสนุกๆ อยู่เลย แล้วแม่จะไปไหนล่ะ?’ แม่ก็บอก ‘เออน่า ไปได้แล้ว’ ทำให้ผมจำใจต้องรีบเดินตามแม่ไป ในใจก็หงุดหงิดตามประสาเด็กที่ยังอยากเล่นอยู่ พอเดินตามแม่ไปเรื่อยๆ ก็เห็นพ่อผมคร่อมรถมอเตอร์ไซค์รออยู่แล้ว ผมกับแม่จึงขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อ

ห้องน้ำบ้านอาก๋ง

รูปภาพ
 มีอยู่วันหนึ่ง ผมและครอบครัวได้กลับไปบ้านของอาก๋งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากที่ไม่ได้กลับไปเป็นเวลานาน อาก๋งผมเป็นซินแสครับ ลักษณะบ้านจะเป็นบ้านชั้นเดียวมีพื้นที่กว้างขวาง มีโรงเก็บโกศ (เถ้ากระดูก) แยกออกมา พื้นที่บ้านรายล้อมไปด้วยสุสาน และต้นไม้ป่ารกชัฏ สมัยก่อนที่ตรงนี้คงราคาถูกอาก๋งผมเลยซื้อไว้ปลูกบ้าน.. ตัวผมเองปกติจะเป็นคนไม่กลัวผีนะครับ เนื่องจากอากาศในบ้านค่อนข้างร้อน คืนนั้นผมเลยออกมานั่งเล่นมือถืออยู่ที่ม้านั่งหินหน้าบ้าน ซึ่งจะอยู่ติดกับโรงเก็บโกศ ข้างๆ จะมีห้องน้ำห้องเล็กๆ อยู่ นึกถึงสภาพห้องน้ำต่างจังหวัดนะครับ พื้นเปียกๆ มีอ่างน้ำ มีขัน.. ตอนนั้นผมนั่งหันหลังให้ห้องน้ำ แล้วสักพักหนึ่งผมก็เริ่มปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำ แต่ได้ยินเสียราดน้ำ เปิดประตู และเสียงคนเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมบอกผมว่า ‘อาเต้อ ห้องน้ำมันลื่นมากนะ ลื้อระวังๆ หน่อยนา..’ ผมจำได้ว่าเป็นเสียงลุงที่เฝ้าโรงเก็บโกศ ก็เลยตะโกนตอบกลับไปว่า ‘ครับลุง’ ก่อนที่ผมจะนั่งเล่นอีกสักพัก แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ เช้าวันต่อมา ผมก็นั่งกินข้าวกับอาก๋ง พ่อแม่ และน้าสะใภ้ แต่ไม่เห็นลุงที่เฝ้าโรงเก็บโกศมากินข้าวด้วยกัน จึงถาม

คนถามทาง

รูปภาพ
เกือบจะครบ 4 ปี ที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมา แต่เรื่องในวันนั้นไม่เคยเลือนลางไปจากใจผม และครอบครัวเลย.. วันนั้นเป็นวันที่ครอบครัวผมจะกลับบ้านที่จังหวัดน่านครับ ไปกัน 4 คน มีพ่อ แม่ ผม และลูกชายของผม เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น เพื่อจะได้ไปถึงน่านตอนรุ่งเช้าพอดีครับ.. ผมเป็นคนขับครับ ก็ขับรถเดินทางไปตามปกติ จนเข้าสู่จังหวัดพิษณุโลก ก็ได้แวะปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อเติมน้ำมัน และพักรถด้วย หลังจากเติมน้ำมัน และเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อย ผมก็ไปจอดรถอยู่ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ เราทั้งหมดก็นั่งพักกันที่โต๊ะหินอ่อนข้างๆ รถ คุยกัน กินขนมกันไป.. ระหว่างนั้นก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเข้ามาทัก เพื่อจะถามเส้นทางไปน่าน เดาว่าคงเห็นรถเราเป็นป้ายทะเบียนน่านน่ะครับ สามีภรรยาคู่นี้เขาบอกว่าเป็นคนน่านเหมือนกัน เพิ่งจะซื้อรถใหม่ป้ายแดงได้อาทิตย์เดียว กำลังจะกลับไปรับลูกสาวที่บ้านเพราะเป็นช่วงปิดเทอม ขับรถก็ไม่ค่อยจะแข็ง และถึงแม้ว่าจะเคยโดยสารรถบัสเดินทางไป-กลับกรุงเทพฯ บ่อยๆ แต่ก็หลับบนรถตลอด พอต้องมาขับเองก็เลยไม่ชินเส้นทาง.. ผมเลยบอกพวกเขาไปว่า ‘ไปเรื่อยๆ ครับ ตรงอย่างเดียว พอถึงเด่นชัยแล้วค่อ

จอดทับที่

รูปภาพ
 เราอยู่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ดค่ะ วันนั้นเรามีนัดทำรายงานกับเพื่อนหลังเลิกเรียน เลยต้องไปค้างบ้านเพื่อนค่ะ แต่หลังเลิกเรียนเราต้องกลับบ้านไปช่วยที่บ้านทำอะไรให้เสร็จก่อน กว่าจะได้ออกเดินทางไปบ้านเพื่อนก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ซึ่งต่างจังหวัด 2 ทุ่มคือเงียบมาก ยิ่งเราไม่ได้อยู่ในตัวเมือง อยู่ต่างอำเภอ แล้วบ้านเพื่อนเราก็เป็นหมู่บ้านที่อยู่นอกอำเภอไปอีก คือเงียบกริบ และมืดสนิทเลยค่ะ เราขี่รถมอเตอร์ไซค์ไป พอใกล้ถึงหน้าหมู่บ้านเพื่อนก็ดันกลัว เพราะไม่มีไฟข้างทางเลย เราเลยตัดสินใจจอดรถ แล้วโทรให้เพื่อนออกมารับที่หน้าหมู่บ้าน เพื่อนก็ออกมารับพาเข้าบ้านตามปกติไม่มีอะไร.. พอทำงานเรียบร้อยก็มานั่งคุยกันที่ครัว โดยเรานั่งหันหลังให้หน้าต่างหันหน้าเข้าหาเพื่อน ซึ่งแปลว่าเพื่อนเราจะมองเห็นข้างนอก ระหว่างที่คุย สายตาเพื่อนเรามันมองเลยหลังเราไปตลอดเหมือนมองอะไรอยู่ เพื่อนเราคนนี้มีเซ้นส์ค่ะ เพราะปู่มันเป็นหมอธรรมของหมู่บ้าน เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็เข้านอนแล้วตื่นเช้าไปโรงเรียน พอถึงโรงเรียน เพื่อนมันก็บอกเราว่า ‘เมื่อคืนมีผู้ชายตามแกมา สภาพหัวบุบไปครึ่งหนึ่งจนเห็นสมอง หน้านี่เละมีแต่เลือด เขายืน

บุกบ้านผีแขก

รูปภาพ
สมัยผมหนุ่มๆ รุ่นน้องชอบชวนไปดูบ้านผี ผมก็ไปกับเค้า มีอยู่ครั้งหนึ่ง น้องมันชวนไปบ้านร้างอิสลาม มันบอกว่าที่นี่น่ากลัวมาก มีเหตุฆ่ากันแล้วเอาศพทั้งบ้านไปหมกไว้ในห้องน้ำ จากนั้นมาก็เฮี้ยนสุดๆ คนระแวกนั้นอยู่กันไม่ได้ ย้ายกันออกไปหมด มันเกริ่นมาแบบนี้ครับ คืนนั้นไปกันทั้งหมด 5 คน เอารถกระบะไป น้องกับแฟนเค้านั่งหน้า ส่วนผมกับน้องผู้ชายอีก 2 คนนั่งกระบะหลัง พอไปถึงทางเข้าหมู่บ้านมันจะมีถนนยาวๆ เข้าไป มีป้ายชื่อหมู่บ้านอยู่แต่ถูกถอดออกไปแล้ว พอรถแล่นเข้าไป ได้ยินเสียงสวดภาษาอิสลามดังขึ้นมาเลยครับ ผมกับน้อง 2 คนข้างหลังก็มองหน้ากันทันทีเหมือนรู้กัน แสดงว่าได้ยินเหมือนกันหมด ก็ยังสงสัยว่าแถวนี้มีสุเหร่าเหรอ? แล้วเค้าเปิดบทสวดกันดึกๆ อย่างนี้เหรอ? ได้แต่คิด ไม่ได้พูดออกมา เก็บความสงสัยเอาไว้ พอรถมาจอดที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว ก็ดับเครื่องลงจากรถกัน ผมเดินมายืนสูบบุหรี่กับน้องอีก 2 คน คุยกันไปเรื่อย มองไปที่ปากทางที่เราเข้ามา สักพัก น้องมันก็สะกิดผม ‘พี่ๆ ดูอะไรนั่นดิ..’ ผมก็มองไปตามที่น้องมันชี้ ปรากฏว่ามันเป็นเงาครับ เงาดำๆ ใหญ่ๆ คล้ายหมาตัวโตๆ เหมือนหมาฝรั่งอะไรแบบนั้น ไอ้เงานั่นมันว

อย่าลบหลู่

รูปภาพ
‘ไม่เชื่อ..อย่าลบหลู่’  คำนี้เป็นคำที่ครีมเชื่อเสมอมา แต่สำหรับบางคน อาจจะไม่เชื่อ ไม่เชื่อไม่พอ ยังลบหลู่อีกต่างหาก ครีมขอเล่าเรื่องที่เกิดกับน้องที่สนิทคนหนึ่ง ชื่อศักดิ์ (นามสมมุติ) ศักดิ์จะออกแนวตุ้งติ้งหน่อยๆ ครีมสนิทด้วย เพราะศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทกับแฟนครีม ศักดิ์เป็นคนเก่งเรื่องวัฒนธรรมมาก แต่น่าแปลกที่ศักดิ์กลับไม่เชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับเลยสักอย่าง เช่น ตอนที่ศักดิ์ลาออกจากงานที่มหาวิทยาลัยในเชียงราย เพื่อไปทำงานที่นครสวรรค์ น้องๆ นักศึกษาก็แกล้งเอารูปศักดิ์มาตั้งที่โต๊ะ พร้อมวางพวงมาลัย อาหาร และน้ำไว้ตั้งแต่ศักดิ์ลาออกไป แต่ศักดิ์กลับเห็นดีเห็นชอบด้วย แถมหัวเราะแล้วยังบอกว่า ‘ถ้าฉันตาย ฉันจะสิงอยู่ที่ตึกนั้นแหละ!’ แม้แต่การท้าทาย หรือสารพัดด่า ตรงสามแพร่งบ้าง ตรงจุดต่างๆ ที่ไม่สมควรบ้าง ศักดิ์ก็ทำหมด และแล้วเรื่องก็เกิดขึ้นค่ะ พอศักดิ์ย้ายไปทำงานที่นครสวรรค์ ศักดิ์ย้ายเข้าหอตอนกลางคืน ศักดิ์ไม่เคยไหว้ศาลที่หน้าหอเลย เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่วายตะโกนด่านั่นนี่ไปทั่ว ตรงไหนห้าม ศักดิ์ด่ากราดหมด.. จนวันหนึ่ง ศักดิ์ขาดการติดต่อไป ทางเพื่อนสนิทก็พยายามหาตัว จนกลางดึกคืนหนึ่ง น

รุ่นน้องข้างห้อง

รูปภาพ
ย้อนไปเมื่อปี 2557 ตอนนั้นเราเรียนอยู่ปี 3 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด และเป็นช่วงที่เพิ่งย้ายหอพักใหม่ค่ะ หอพักที่ย้ายมาใหม่นี้มี 2 ตึก เราอยู่ตึก 2 เพราะเป็นตึกที่เพิ่งสร้างเสร็จ ภายในหอเดินเข้ามาจะเป็นทางแยกซ้ายขวา ห้องจะมีฝั่งละ 4 ห้อง ห้อง 1 และ 8 จะอยู่ริมสุดของตึก บันไดจะอยู่ตรงกลางระหว่างห้อง 4 กับ 5 ทุกชั้นจะเหมือนกันหมด ห้องที่เราอยู่คือห้อง 2 ของชั้น 2 ส่วนห้อง 1 กับ 3 ที่ติดกับห้องเราจะเป็นน้องปี 1 ต่างเอกอยู่ ที่นี่ส่วนมากจะอยู่กันห้องละคน เนื่องจากห้องค่อนข้างเล็กค่ะ วันหนึ่ง จำได้ว่าเป็นวันวาเลนไทน์ซึ่งตรงกับวันศุกร์ ด้วยความที่เพื่อนเราส่วนหนึ่งกลับบ้านบ้าง ไปหาแฟนบ้าง ส่วนเราช่วงนั้นไม่มีแฟน ก็เลยอยู่หอคนเดียวตลอดทั้งศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ คือทั้งหอเงียบมาก แต่เราก็ไม่ได้อะไร เพราะปกติอยู่หอเราก็จะขลุกอยู่แต่ในห้อง ดูหนัง ฟังเพลง ทำกับข้าวตามเรื่องของเรา ดึกๆ ก็ปั่นงานวิจัย กว่าจะนอนได้ก็ตี 3 ตี 4 ทุกวัน ที่เราเลือกทำวิจัยตอนดึก เพราะว่าคนอื่นนอนหมด จะได้ใช้สมองคิดเงียบๆ ..แต่แล้วในคืนนั้นเอง จำไม่ได้ว่าตีอะไร ก็เริ่มมีเสียงดังมาจากห้อง 1 ข้างๆ เรา ดั

ห้องน้ำหลัง 2 ทุ่ม

รูปภาพ
 สมัยก่อนเราเคยทำงานโรงพยาบาลค่ะ คืนหนึ่งเราปวดท้องถ่ายหนัก เลยไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องน้ำของแผนกที่ปิดทำการไปแล้วตอน 2 ทุ่ม ที่ต้องมาเข้าที่นี่ก็เพราะเราต้องการความสงบ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกกับบรรยากาศที่มืดวังเวง เพราะไฟปิดหมดแล้วเหลือแค่ไฟทางเดิน เราเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป พร้อมกับเอื้อมมือเปิดไฟ ห้องน้ำมีอยู่ทั้งหมด 4 ห้อง แต่ที่แปลกคือห้องแรกมันปิดไว้อยู่เหมือนมีคนเข้า พยายามเอามือดันๆ ก็ไม่เปิด เราเลยเข้าห้องถัดไปทำธุระของเราไป.. สักพักหนึ่ง อยู่ๆ เราก็ขนลุกวาบขึ้นมา เพราะนึกขึ้นได้ว่า เอ้า! ถ้ามีคนอยู่ในห้องน้ำ แล้วทำไมเขาไม่เปิดไฟห้องน้ำไว้ล่ะ จะอยู่มืดๆ ทำไม? ด้วยความสงสัย เราเลยก้มลงมองตรงช่องว่างด้านล่าง ว่ามีใครอยู่ไหม ถ้ามีอย่างน้อยก็ต้องเห็นรองเท้าหรือขาบ้างล่ะ ซึ่งปรากฏว่ามีค่ะ เป็นขาผู้หญิงใส่รองเท้าคัดชูสีดำ เราก็งงๆ ว่าทำไมเค้าถึงไม่เปิดไฟ หรืออาจจะรีบจนแบบว่า ถ้าเปิดไฟก็อาจะไม่ทันแล้วก็เป็นได้ 55555 จนเราทำธุระของเราเสร็จ กดน้ำอะไรเรียบร้อย ก็ออกมายืนล้างมือ สายตาเราก็ยังมองสะท้อนกลับไปเห็นขาของเธอคนนั้นในห้องน้ำอยู่ แล้วเราก็ออกจากห้องน้ำไป โดยที่คิดใน

สยองที่ชั้น 9

รูปภาพ
 ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปี ก่อนเราจะมารับราชการ เราทำงานกับเอกชนมาก่อนค่ะ ทำที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ นี่ล่ะ ในตำแหน่งพนักงานบัญชี ซึ่งออฟฟิศของแผนกบัญชีจะอยู่ติดกับลานจอดรถชั้น 3 ของโรงแรม ส่วนลานจอดรถชั้น 2 จะเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ตัวโรงแรม เราทำงานที่นี่ไปตามปกติ วันหนึ่ง เรา กับน้องในแผนกได้เดินลงมาชั้น 2 เพื่อจะไปทานข้าวที่แคนทีนของพนักงาน ระหว่างเดินอยู่ น้องก็บอก ‘พี่ๆ หนูว่าหนูได้กลิ่นเหม็นๆ อะไรก็ไม่รู้..’ ซึ่งเราก็ได้กลิ่นนะ แต่ก็บอกน้องไปว่า ‘สงสัยหนูตายมั้ง เดี๋ยวค่อยแจ้งแม่บ้านแล้วกัน’ แล้วก็ไปทานข้าวกันตามปกติ พอทานข้าวเสร็จเดินกลับมาทางเดิม ไปเจอพี่คนขับรถของเจ้านาย พี่คนขับรถก็บอกเหมือนกันว่า ‘เหม็นเน่ามากเลยตรงนี้ กลิ่นมาจากไหน?’ พี่เขาพยายามเดินตามหากลิ่นนั้น แต่ก็ไม่เจออะไร จนตอนเย็นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พอวันรุ่งขึ้นมาทำงานตามปกติ โหยยย..กลิ่นแรงขึ้นเป็นเท่าตัว เหม็นมาก กลิ่นทะลุมาถึงชั้น 3 แผนกบัญชีเลยทีเดียว เจ้านายเองลงรถมาก็ได้กลิ่น คราวนี้ต้องเรียก รปภ. ของโรงแรมหลายคนมาช่วยกันหาเลย ผ่านไปสักพัก เริ่มรู้ว่ากลิ่นมันรุนแรงตรงด้านบนบริเวณระเบียงลานจอดรถชั้

วีไอพี

รูปภาพ
เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวที่ร้านอาหารใหญ่แห่งหนึ่งในพัทยาครับ ก็ไปสมัครงาน และหาบ้านเช่าเอาไว้เรียบร้อย ถือว่าเป็นการย้ายงานที่ดีมากสำหรับผม ทั้งค่าจ้าง และเพื่อนร่วมงาน ลักษณะที่ร้านนี้จะเป็นตึก 5 ชั้น ชั้น 1-2 จะเป็นห้องแอร์ทั่วไป ชั้น 3 จะเป็นห้อง VIP ส่วนชั้น 4 เป็นชั้นสำหรับเก็บของ และชั้น 5 จะเป็นห้องพักของคนขับรถของเจ้าของร้าน สมัยก่อนตึกนี้จะเดินทะลุถึงกันกับโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ปิดไปแล้ว การขึ้น-ลงแต่ละชั้น จะใช้เพียงลิฟท์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะบันไดจะอยู่ฝั่งโรงแรมที่ปิดไปแล้วครับ ผมทำงานอยู่ที่นี่ราวๆ 2 เดือน เวลาเลิกงาน ก็มักจะจับกลุ่มกินเหล้ากันที่บ้านเช่าของพนักงานครับ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กใหม่ เวลาอยากรู้อะไรเกี่ยวกับร้าน ผมก็จะถามพวกพี่ๆ ที่นั่งกินเหล้าด้วยกัน ก็ถามนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนถึงคำถามหนึ่ง ผมถามว่า ‘เออพี่! ที่ร้านเราผมก็เคยไปมาทั่วแล้ว แต่ยังไม่เคยไปชั้น 3 เลย..’ สิ้นคำถามของผม ทุกคนที่กินเหล้าเฮฮากันอยู่ก็เงียบไปเฉยๆ.. จนมีพี่คนหนึ่งพูดขึ้นว่า ‘ชั้น 3 มันเป็นห้อง VIP น่ะ เอาไว้ให้แขกช่วงไฮซีซั่นตอนชั้น 1-2 เต

ชายแก่กับเสาน้ำเกลือ

รูปภาพ
 เรื่องเกิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้องบอกก่อนว่า ที่โรงพยาบาลนี้ หากมีคนไข้มาเสียชีวิตที่นี่ ทางโรงพยาบาลจะเข็นศพมาส่งให้ญาติ เหมือนโรงพยาบาลทั่วไป แต่จะมีการใช้ร่มสีดำกางมาเหนือเตียงผู้เสียชีวิตด้วย เพื่อเป็นการไว้อาลัยครับ.. เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ เมื่อปลายปี 2549 ลูกชายของลุงผม เกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถ 6 ล้อ บาดเจ็บสาหัส สมองบวมต้องเข้ารับผ่าการตัดด่วน ก็ได้มาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ทางญาติๆ ก็ผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยม พอถึงตอนค่ำ ญาติๆ ที่มาเฝ้าก็ต้องลงมานอนพักที่ศาลาภายในโรงพยาบาลกัน เพราะบ้านค่อนข้างไกล ซึ่งตัวผมเองก็นอนที่นี่ด้วยครับ เป็นอย่างนี้อยู่ 3 คืน.. ในเช้าวันที่ 4 ลุงของผม (พ่อของญาติที่รถชน) ก็มาเล่าให้ฟังว่า.. ตั้งแต่คืนแรก ตอนช่วงดึก ขณะที่ทุกคนนอนหลับแล้ว ลุงเห็นมีผู้ชายแก่ๆ รูปร่างอ้วน ใส่ชุดคนไข้ของโรงพยาบาล พร้อมกับลากเสาน้ำเกลือมายืนอยู่ตรงทางขึ้นตึกห้อง ICU ซึ่งบริเวณนั้นค่อนข้างมืดมาก ลุงเลยสงสัยว่าแกลงมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ คนเดียว และแกก็ค่อยๆ เดินไปทางหลังตึก ลุงเลยลุกขึ้นจากศาลาแล้วเดินตามไป แบบทิ้งระยะห่างพอสมควร ไปเจอแ

คนไข้ชุดแดง

รูปภาพ
เราชอบขึ้นเวรกลางคืนเพราะมันไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนตอนกลางวัน เวรกลางคืนจะมีพยาบาล กับผู้ช่วยพยาบาล โดยจะมีช่วงพักเบรคสลับกันช่วงเวลา ตี 1 ถึงตี 3 กับ ตี 3 ถึงตี 5 ของทุกวัน (ถ้าไม่มีเคสหนักๆ) คืนหนึ่งเราก็เข้าเวรตามปกติ วันนี้ได้พักเบรคแรก พอตี 3 ก็ตื่นมานั่งที่เคาเตอร์พยาบาล แต่เรายังรู้สึกง่วงอยู่จึงฟุบลงกับเคาเตอร์ สักพักก็หลับไป.. ในฝันคือได้ยินเหมือนมีคนไข้กดออดเรียกขอความช่วยเหลือ ที่เคาเตอร์พยาบาลจะมีแผงไฟที่บอกว่าห้องไหนกดเรียก พอเดินออกไปที่ห้องดังกล่าว ก็เห็นคนไข้ผู้หญิงยืนหันหลังอยู่ที่หน้าห้อง เราเลยแปลกใจ ถามออกไปว่า  ‘มีอะไรให้ช่วยไหมคะ.. ทำไมมายืนตรงนี้?’  จากนั้นคนไข้ก็ค่อยๆ หันมา แล้วก็กระโดดเข้ามาใส่เรา! จนเราตกใจตื่นขึ้น พอตื่นขึ้นมา ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดสีแดงยืนอยู่นอกเคาเตอร์พยาบาล เราจึงเปิดกระจกถามว่า  ‘มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?’  ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า  ‘ช่วยทำบุญให้หน่อยค่ะ..’  พร้อมกับบอกชื่อ-นามสกุลของเธอมา เราไม่ค่อยแน่ใจ จึงถามกลับไปอีกว่า  ‘..ให้ทำอะไรนะคะ?’  ผู้หญิงคนนั้นก็พูดว่า  ‘ช่วยทำบุญให้หน่อยค่ะ..’  พร้อมกับบอกชื่อ-นามสกุลของเธอ พูดเสร็จเธอก็เดิน

ผีแอดเพื่อนมา

รูปภาพ
ผมเป็นนักเรียน ม.5 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ครับ เรื่องมันเกิดขึ้น เมื่อช่วงใกล้ๆ เช้าของวันเสาร์ที่แล้ว ขณะที่ผมนอนอยู่ ฝันว่ามีผู้หญิงคนนึง เดินมาข้างๆ เตียง และกระซิบข้างหูผมว่า ‘รับแอดเราหน่อย..’ ก่อนจะเดินหันหลังหายไป.. พอสายๆ ผมตื่นมา หยิบมือถือที่อยู่ข้างๆ มาเช็คเฟสตามปกติ ก็เห็นว่า มีผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก แอดมาขอเป็นเพื่อน 1 คนจริงๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร กดรับไป.. ปกติเวลารับแอดใคร ผมก็จะเข้าไปส่องหน้าไทม์ไลน์เค้าดูก่อน พอกดเข้าไป ผมก็ต้องตกใจ เพราะว่าทั้งหน้าไทม์ไลน์ ของผู้หญิงคนนี้ มีแต่คนมาโพสว่า ‘หลับให้สบายนะ’ ‘ขอให้ไปสู่สุขติ’  ‘R I P’  ‘จะไม่มีวันลืมเธอเลย’ และประโยคร่ำลาอื่นๆ อีกมากมาย.. ผมรีบกดลบเพื่อนออกทันที และก็นั่งคิดว่า ผมรู้จักกับเค้ารึเปล่า? แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก เพราะผมไม่คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้เลย ในคืนวันต่อมา ผมก็นั่งดูทีวีในห้องนอน จู่ๆ ก็มีเสียงมือถือดัง พอหยิบขึ้นมาดู ก็เป็นผู้หญิงคนเดิมนี้ แอดมาขอเป็นเพื่อนอีกครั้ง ผมก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้ว แต่ด้วยความอยากรู้ ผมก็กดรับไปอีกครั้ง และเข้าไปดูในหน้าโปรไฟล์ของเธอ ผมก็ไปสะดุดกับสิ่งหนึ่ง คือโรงเรี

นักบาส

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณเจมส์ เกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาครับ เจมส์เป็นคนที่ชอบเล่นบาสมาก เล่นอยู่ที่สนามจน 2-3 ทุ่มทุกวัน เพื่อนก็ต้องคอยเอาพวกอาหาร หรือชุดไปให้มันที่สนามทุกเย็น คุณเจมส์เล่าว่า.. มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นเพื่อนผมไปธุระที่ต่างอำเภอ ผมเลยต้องไปกินข้าวเอง เอาของเอง ช่วงนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ผมกลับมาจากเอาของ ก็เข้าไปที่สนามบาส ตอนนั้นสนามโล่งมากครับ ปกติช่วงนั้นคนจะเล่นเยอะมาก แต่วันนี้เงียบผิดปกติ ผมก็ไม่ได้สนใจ เล่นบาสไปเรื่อยๆ ซักพักก็มีเด็กผู้ชายคนนึงเข้ามาที่สนามบาส มาถามว่า ‘เล่นด้วยได้มั้ย..?’ ผมก็ตกลง เพราะไม่มีใครเล่นด้วยเลย ก็เล่นบาสไป.. สักพัก โทรศัพท์ของผม ที่วางไว้ข้างสนามก็ดัง มีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามา พอรับสายก็ไม่มีเสียงอะไร ผมเลยตัดสายทิ้งไป.. แล้วอีกไม่นาน เบอร์เดิมก็โทรเข้ามาอีก พอรับสายก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเหมือนเดิม ผมเลยปิดเครื่องไป.. ผมเล่นบาสไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทุ่มกว่าๆ ลมข้างนอกสนามเริ่มแรง เหมือนฝนจะตก ผมเลยบอกน้องคนนั้นว่า ขอกลับก่อน และก็ใส่เสื้อคลุม เก็บของ แล้วรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป แต่พอถึงหน้าทางเข

สยองรถเมล์ท่าพระ

รูปภาพ
 ย้อนกลับไปช่วงปี พศ.2533 ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม.3 โรงเรียนมัธยมสาธิตแห่งหนึ่งแถวสี่แยกบ้านแขก ปีนั้นมีอุบัติเหตุลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง เป็นรถเมล์ปรับอากาศสีน้ำเงิน (สายอะไรผมจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่ารถสายนี้วิ่งผ่านแยกบุคคโล เจริญนคร แล้วก็ถนนลาดหญ้า) รถเสียหลักหรือยังไงไม่ทราบ วิ่งเกยฟุตบาทขึ้นมาชนคนบนป้ายรถเมล์ตายเกลื่อน ทั้งคนขับ ทั้งผู้โดยสาร และคนยืนรอรถ ผมเองก็ยังได้อ่านพาดหัวข่าวนี้ที่ห้องสมุดของโรงเรียน สมัยก่อนภาพข่าวหนังสือพิมพ์จะเอาภาพสยองๆ มาลง แล้วเซ็นเซอร์แบบง่ายๆ ผมเป็นเด็กก็ชอบดูแต่ภาพ แต่ไม่อ่านด้านในหรอก จนมีครูนักศึกษาฝึกหัดมาสอนภาษาไทย แกมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังในชั้นเรียน ว่าครูนะอยู่ในเหตุการณ์เลย ครูยืนรอรถอยู่ที่ป้ายนั้นเลย ตอนรถมันวิ่งมาเกย ครูวิ่งหนีทันพอดี แต่คนที่ยืนรอรถด้วยข้างๆ ครู โดนรถพุ่งชนตายคาที่เลย ครูออกมาจากตรงนั้นได้ ครูนี่ยืนตัวสั่น ร้องไห้ใหญ่เลย ตอนนั้นผมก็ฟังแบบสนุกๆ ไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ผมก็ได้ฟังเรื่องราวจากอีกคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องเหตุการณ์นี้ เป็นลูกน้องในที่ทำงานของพ่อผม คือพ่อผมถามถึงน้องเตย (นามสมมติ) กับคนในที่ทำงานว่า ‘

ตุ๊กตาอาถรรพ์

รูปภาพ
 เหตุการณ์ที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องที่สะเทือนใจผมอย่างแรง ถึงมันจะเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว แต่ผมก็ไม่มีวันลืมได้เลย ย้อนไปช่วงนั้นคนจะนิยมแต่งบ้าน แต่งร้านอาหาร แนวบาหลี เคยเห็นไหมครับ? พวกแนวหินๆ มีรูปปั้น หน้ากากแปลกๆ มาตกแต่ง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบแนวนี้ ก็เลยหามาจัดแต่งบ้านบ้าง พยายามสืบเสาะหาของแต่งบ้านแท้ๆ จากบาหลี ไปเดินหาตามจตุจักรบ้าง ตามที่เค้าขายกันบ้าง ซื้อต่อจากคนรู้จักบ้าง ไม่นาน บ้านผมก็เต็มไปด้วยของตกแต่งแนวบาหลี ที่ผมชื่นชอบมาก และแฟนผมตอนนั้นก็ชอบเช่นกัน   มีอยู่วันหนึ่ง ผมก็เล่นคอมตามปกติ แล้วนึกยังไงไม่รู้ เข้าเว็บ ebay ไปดูของแต่งบ้านแนวบาหลีนี่ล่ะ ก็เลื่อนๆ ดูไปเรื่อย จนไปสะดุดตากับของชิ้นหนึ่ง มันเป็นตุ๊กตาใส่หน้ากาก ลักษณะเหมือนตุ๊กตาชักใย มีสายระโยงระยาง ผมเกิดอยากได้ขึ้นมา จะเอามาแขวนให้ลูกสาววัย 5 ขวบดู แต่ดูราคาแล้วมันก็เอาเรื่องอยู่ แต่คนขายมันเขียนว่าต่อราคาได้ ผมก็ลองต่อราคาดูเล่นๆ ใส่ราคาถูกๆ เลย กะว่าถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่างมัน (แต่ในใจก็แอบลุ้นให้ได้) หลายวันต่อมา ก็ไม่มีเมลตอบกลับจากเจ้าของซะที ..ผ่านไปเป็นเดือน จนผมลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท พอนึกขึ้