บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2019

ประสบการณ์ตอนบวช

รูปภาพ
เรื่องมีอยู่ว่า.. ผมเป็นลูกชายของครอบครัว ซึ่งก็ต้องมีการทดแทนพระคุณบิดามารดาด้วยการอุปสมบท สร้างบุญกุศลเพื่อเป็นบุญใหญ่ให้กับท่าน เริ่มจากพิธีการแห่นาค ผมก็จะนั่งอยู่ท้ายรถของพ่อ โดยมีลุงเป็นคนขับ มีญาติพี่น้องจำนวนมาก รวมถึงคนระแวกบ้านใกล้เรือนเคียงที่รู้จักหน้าตากันมาคอยช่วยในพิธี ผมนั่งโดยมีพ่อกับแม่นั่งซ้ายขวา ขณะที่ตั้งขบวนเสร็จ พร้อมเริ่มพิธีแห่ ก็มีหญิงแก่คนหนึ่ง ผมจำได้แม่นมากๆ แกใส่เสื้อลูกไม้สีขาว ผ้าถุงสีขาว ผิวออกจะดำกร้าน ตัวผอมซูบ เดินมาใกล้ๆ รถที่ผมนั่งอยู่ แกเดินมาไหว้ผมแล้วบอกกับผมว่า ‘ยายขอทำบุญด้วยนะลูก..’ แล้วก็ใส่เป็นธนบัตร 100 บาทมาบนพานที่ผมถือ ก่อนจะไหว้ผมอีกครั้งแล้วเดินจากไป.. ในขณะนั้นเป็นช่วง 6 โมงเช้า มันสว่าง บรรยากาศไม่น่าต้องไปคิดถึงเรื่องผีอะไรเลย ผมก็เลยไม่ได้อะไร ติดแค่ว่า ผมไม่เคยเห็นหน้ายายคนนี้มาก่อน จนพิธีอุปสมบทก็ได้เริ่มขึ้นจนเสร็จสิ้นไปด้วยดี วันแรกของการเป็นพระ ขออธิบายก่อนนะครับ กุฏิที่ผมอยู่เป็นกุฏิไม้ ข้างในกุฏิกว้างจนวังเวงเลย มีเสื่อ มีเสาตกน้ำมันอยู่ตรงประตู ที่เสาจะมีจีวรผืนใหญ่พันแบบคลุมเสาอยู่ครึ่งต้น ท้ายกุฏิเป็นที่บูชาพระร

มาทวงผมคืน

รูปภาพ
หลานสาวของภรรยาผมชื่อว่า น้องปิ่น กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 ในกรุงเทพฯ น้องปิ่นเล่าให้ฟังว่าได้งานพิเศษทำนอกเวลา เกี่ยวกับการขายสินค้าที่ห้างแห่งหนึ่ง ปิ่นเป็นเด็กสาวหน้าตาดี ผิวขาว หุ่นดี พูดจาฉะฉานมีสัมมาคารวะกับคนอื่น ปิ่นอยู่กับแม่เพราะพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายปีแล้ว ตอนนั้นปิ่นมีผมสีดำสั้นแค่บ่า ซึ่งก็ดูน่ารักเหมาะกับเธอดี แต่เมื่อเดือนก่อน ห้างที่ปิ่นทำงานมีการจัดโปรโมชั่น เลยอยากให้ปิ่นแต่งตัวสวยๆ ใส่ชุดเหมือนพริตตี้อะไรแบบนั้น ปกติจะใส่แต่เสื้อขาวกับกางเกงเข้ารูป ผู้จัดการที่เป็นผู้หญิงเลยแนะนำว่า ถ้าใส่ชุดนี้แล้วปิ่นผมยาวจะสวยมาก ปิ่นเลยบอกว่า งั้นไปหาซื้อผมมาต่อก็ได้ค่ะพี่.. อีก 2 วันต่อมา ปิ่นเลยไปหาซื้อผมที่ตลาดแห่งหนึ่ง พอดีมีร้านมานั่งขายผมแฮร์พีซ (ไม่รู้เรียกถูกไหม) ปิ่นลองหยิบขึ้นมาดูทีละปอย แล้วก็ไปสะดุดกับผมปอยนึง สีดำสนิทเงาสวยมากๆ คนขายผู้หญิงถามว่าชอบไหม? ลดให้นะ จาก 1,200 เหลือแค่ 600 เอาไหม? ปิ่นยิ้มแล้วลองเอามาทาบกับผมข้างหลัง ดูแล้วสวยเข้ากับใบหน้ามาก เลยตกลงซื้อมา.. หลังจากกลับมาที่ห้องพัก พอปิ่นเปิดประตูแล้วไหว้คุณแม่ แม่ยิ้มแล้วถามว่า ‘วันนี้เ

เสียงฮัมเพลง ในห้องน้ำที่ทำงาน

รูปภาพ
เราทำงานอยู่ที่ไปรษณีย์แห่งหนึ่งค่ะ ที่ที่เราทำงานอยู่ตอนนี้ สมัยก่อนเคยมีคนงานตายในห้องน้ำชั้นบน แต่ตายด้วยสาเหตุอะไรอันนี้เราไม่แน่ใจค่ะ ก็จะมีพวกพี่ที่ทำงานเล่ากันบ่อยๆ ว่า เจอคนมายืนตรงประตูห้องน้ำแล้วเอาเท้าสอดเข้ามาบ้างล่ะ เจอแบบมาเคาะประตูห้องน้ำ แต่พอเปิดออกไปก็ไม่มีใคร อะไรประมาณนี้ เป็นอันรู้กัน คนทีนี่ก็เลยจะไม่ค่อยไปเข้าห้องน้ำตรงชั้นบนนั้นสักเท่าไหร่    ที่ทำงานเราจะมีเวรเช้ากับดึก ถ้าตกเวรดึกนี่คือกลับประมาณ 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืนเลย วันนั้นเราตกเวรดึกค่ะ แล้วเป็นวันที่ห้องน้ำข้างล่างเสีย ก็เลยต้องขึ้นไปเข้าข้างบน ข้างบนขนาดตอนกลางวันก็จะค่อนข้างมืดอยู่แล้ว ตอนกลางคืนนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ วังเวงน่ากลัวเลยทีเดียว.. ในห้องน้ำจะมี 4 ห้อง ทุกห้องว่างอยู่ เราเข้าไปแล้วปิดประตูหน้าห้องน้ำก่อน แล้วเดินไปเข้าห้องสุดท้าย ก็นั่งทำธุระไป สักพักเราได้ยินเสียงคนปิดประตูห้องที่ 3 ซึ่งก็คือห้องข้างเรา เค้าก็นั่งปกตินะ ทำธุระอะไรไป แต่ตอนนั้นเราก็แปลกใจว่า อ้าว!? เราปิดประตูข้างหน้าไม่สนิทเหรอ ทำไมไม่เห็นได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาเลย?     เวลาผ่านไปจนเราทำธุระเสร็จ เรากำลังจะหันไปหย

เธอคือใคร ใครคือเธอ

รูปภาพ
.. เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับบ้านหลังหนึ่ง ที่อยู่ข้างๆ บ้านของผมเอง ซึ่งผมไม่มีความเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้เลย บอกก่อนว่าบ้านหลังที่ว่านี้ ผมเห็นมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนตอนนี้ผมจะ 20 แล้ว บ้านหลังนี้ก็ยังไม่มีเคยมีใครมาอยู่เลย จนเวลาผ่านล่วงเลยมาถึงช่วงเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว (2561) มีครอบครัวหนึ่งมาเช่าบ้านหลังนี้ เพื่อที่จะเปิดเป็นร้านรับซื้อของเก่า ลักษณะตัวบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว 1 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ บริเวรบ้านเป็นสนามหญ้ากว้างๆ กิจการของครอบครัวนี้ดำเนินมาถึงช่วงเดือนมกราคม ปี 2562 ก็ได้ปิดกิจการลง ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าปิดเนื่องจากอะไร? ทั้งที่กิจการก็ดูเหมือนจะไปได้ดี    เหตุการณ์แรก.. คือผมจะเป็นคนที่ชอบอาบน้ำช่วง 4-5 ทุ่ม หรือไม่ก็เที่ยงคืนเลย ระหว่างอาบน้ำก็ได้ยินเสียงเหมือนข้าวของตกดังมาจากบ้านหลังนั้น ผมก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าน่าจะเป็นลูกน้องเขาทำของตก พออาบน้ำเสร็จ เดินขึ้นบ้าน (บ้านผมจะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง) ระหว่างที่เดินขึ้นบ้าน ผมได้มองออกไปทางบ้านหลังนั้น ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคน ก็เดินขึ้นบันไดไปจนถึงบนบ้าน หันกลับไปกำลังจะล็อคประตู สายตาผมก็หันไปเห็น ‘เงา’ เหมื

ปากพาซวย

รูปภาพ
ตอน ม.3 เราเป็นเด็กกิจกรรมที่โรงเรียน ครูก็จะเรียกให้ทำกิจกรรมบ่อยๆ ค่ะ เรียกว่าแทบจะทุกงานต้องมีเรา ทั้งงานร้องเพลง งานวันครู อะไรแบบนี้ เช้าวันหนึ่ง ครูทักมาในไลน์กลุ่มว่า ทางโรงเรียนจะส่งชุดการแสดงละครธรรมะเข้าประกวดนะ และแน่นอนว่าเราคือหนึ่งในนั้น    พวกเราต้องซ้อมล่วงหน้าเป็นเดือน แต่เหตุสยองมันเกิดขึ้นในคืนก่อนวันที่จะไปแข่งค่ะ คืนนั้น นักแสดงต้องมาซ้อมใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายที่โรงเรียน แล้วก็นอนค้างที่โรงเรียนเลย เพื่อจะตื่นมาแต่งหน้า แต่งตัว ทำผมในตอนเช้าตรู่.. เราซ้อมกันเสร็จรอบสุดท้ายก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ เตรียมจะเข้านอน เพื่อนคนหนึ่งก็ดันคิดอะไรขึ้นมาไม่รู้ ปากพล่อยพูดออกมาว่า  ‘แม่ง บรรยากาศตอนดึกๆ ที่โรงเรียนนี่ทั้งมืด ทั้งเงียบเลยเนอะ หลอนดีชิบหาย ไม่ใช่ว่าจะมีใครมานอนด้วยนะ แต่ก็มาเถอะ อยู่กันเยอะไม่กลัวหรอก อยากเจอว่ะ!’  พูดไปมันก็ขำไปแบบไม่คิดอะไร ..แต่คนอื่นๆ นี่สิ แทบไม่กล้าจะลุกไปฉี่เลยค่ะ นอนต่างที่อยู่แล้ว ยังจะต้องมาหลอนกับคำพูดของมันอีก มันน่าไหมล่ะ?    ประมาณตี 2 ไอ้เพื่อนคนที่พูดนั่นล่ะ มันเกิดปวดฉี่ขึ้นมา มันก็เรียกทุกคน แต่ไม่มีใครกล้า

เจอศพที่ริมคลอง

รูปภาพ
เจ้าของเรื่องนี้ชื่อคุณอุ๊ครับ เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ..มาเริ่มกันเลย.. บ้านของคุณอุ๊อยู่ที่เขตห้วยขวาง เป็นบ้านชั้นเดียว คือหลังบ้านจะเป็นระเบียงไม้ ยื่นลงไปในคลองลาดพร้าวเลย บ้านนี้คุณอุ๊อยู่กับสามีมาเป็นสิบปีแล้ว และตอนนี้สามีคุณอุ๊ก็เสียไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเลย.. จนมีอยู่ช่วงหนึ่ง อุ๊ป่วย เป็นไข้หวัดธรรมดา ก็ได้ไปหาหมอที่คลินิค และได้ยามาทาน ก็จะมียาแก้หวัดที่ทำให้ง่วงนอนอยู่บ้าง ทำให้ช่วงนั้นอุ๊ต้องนอนพักผ่อนมากกว่าปกติ..    คืนหนึ่งก็ฝันแปลกๆ ว่ามีชายคนหนึ่งใส่เสื้อสีดำ สภาพเปียกน้ำโชกไปทั้งตัว มายืนหน้าเตียง มองมาที่อุ๊ โดยที่ด้านหลังชายคนนั้น เป็นนาฬิกาติดผนังบอกเวลา 05:20 และจากนั้นชายคนนั้นก็เดินไปทางหน้าต่าง แล้วก็หายไปเฉยๆ ตอนนั้นอุ๊ก็ตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา หัวใจเต้นแรงเลย พอมองไปที่ผนังหน้าเตียง ก็เห็นนาฬิกาเป็นเวลา 05:19 ก็ไม่ได้คิดอะไร จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ    พอเดินกลับมาจากห้องน้ำ อุ๊ตกใจกลัวมาก เพราะตรงพื้นที่หน้าเตียงอุ๊ มีน้ำเปียกอยู่เต็มไปหมด และที่นาฬิกาก็เป็นเวลา 05:20 นาทีเหมือนในฝันเมื่อกี้.. จากนั้นอุ๊ก็ออกจากบ้านไป และโทรหาเพื่อนข้าง

สุดสยองรถเมล์ท่าพระ

รูปภาพ
ย้อนกลับไปช่วงปี พศ.2533 ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม.3 โรงเรียนมัธยมสาธิตแห่งหนึ่งแถวสี่แยกบ้านแขก ปีนั้นมีอุบัติเหตุลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง เป็นรถเมล์ปรับอากาศสีน้ำเงิน (สายอะไรผมจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่ารถสายนี้วิ่งผ่านแยกบุคคโล เจริญนคร แล้วก็ถนนลาดหญ้า) รถเสียหลักหรือยังไงไม่ทราบ วิ่งเกยฟุตบาทขึ้นมาชนคนบนป้ายรถเมล์ตายเกลื่อน ทั้งคนขับ ทั้งผู้โดยสาร และคนยืนรอรถ ผมเองก็ยังได้อ่านพาดหัวข่าวนี้ที่ห้องสมุดของโรงเรียน สมัยก่อนภาพข่าวหนังสือพิมพ์จะเอาภาพสยองๆ มาลง แล้วเซ็นเซอร์แบบง่ายๆ ผมเป็นเด็กก็ชอบดูแต่ภาพ แต่ไม่อ่านด้านในหรอก จนมีครูนักศึกษาฝึกหัดมาสอนภาษาไทย แกมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังในชั้นเรียน ว่าครูนะอยู่ในเหตุการณ์เลย ครูยืนรอรถอยู่ที่ป้ายนั้นเลย ตอนรถมันวิ่งมาเกย ครูวิ่งหนีทันพอดี แต่คนที่ยืนรอรถด้วยข้างๆ ครู โดนรถพุ่งชนตายคาที่เลย ครูออกมาจากตรงนั้นได้ ครูนี่ยืนตัวสั่น ร้องไห้ใหญ่เลย ตอนนั้นผมก็ฟังแบบสนุกๆ ไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ผมก็ได้ฟังเรื่องราวจากอีกคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องเหตุการณ์นี้ เป็นลูกน้องในที่ทำงานของพ่อผม คือพ่อผมถามถึงน้องเตย (นามสมมติ) กับคนในที่ทำงานว่า ‘น้

บ้านเช่าที่ต้องเช่า

รูปภาพ
เมื่อต้นเดือนมกราคมปีที่แล้ว (2018) มีเหตุให้เราต้องย้ายบ้านกระทันหัน เนื่องจากบ้านเก่าที่เป็นบ้านเช่า เจ้าของบ้านเค้าขายไปได้ เจ้าของใหม่ก็รีบจะปรับปรุง และเข้าอยู่เลย ทำให้เรามีเวลาหาบ้านใหม่แค่ไม่กี่วัน ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา ทำให้เรากับแฟนต้องหยุดงาน และวิ่งหาบ้าน หาเป็นอาทิตย์ก็ไม่มีบ้านที่เราพอจะเช่าได้เลย เพราะแฟนเราต้องการบ้าน และมีที่เปล่า พอที่จะทำงานได้ด้วย เลยยิ่งหายากไปใหญ่ จนเหลืออีกแค่ 2 วันจะสิ้นสุดสัญญา เราวิ่งเกือบทั้งจังหวัด จนไปเจอบ้านหลังหนึ่งใน อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เป็นบ้านชั้นเดียว รอบบ้านมีพื้นที่เยอะ มีรั้วรอบ มีโรงจอดรถ สีเหมือนทาใหม่ สภาพโดยรวมคือเข้าอยู่ได้เลย แฟนเราถูกใจบ้านหลังนี้มาก หน้าบ้านมีป้ายติดไว้เป็นฟิวเจอร์บอร์ดสีขาว แฟนเรารีบให้เราลงไปดูว่าใช่ป้ายให้เช่าไหม? พอเราลงไปดู เป็นป้ายซีดๆ จางๆ เขียนว่า ‘ให้เช่า’ แต่เบอร์โทรศัพท์เลือนหาย เห็นไม่ครบทุกตัว บ้านนี้เป็นบ้านที่ไม่ติดกับใครเลย จะหาคนแถวนั้นถามก็ลำบาก เลยยืนลองสุ่มโทร โทรไปเกือบทุกเบอร์ที่พอจะเป็นไปได้ แต่ก็ผิดทุกเบอร์ จนแฟนเราลงมาจากรถ ถามว่าเค้าให้เช่าไหม? เราเลยให้ดูป้าย แฟ

ห้องน้ำในปั๊ม

รูปภาพ
เหตุการณ์ที่จะเล่านี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นเราอายุประมาณ 16-17 ค่ะ ครอบครัวเราเป็นคนต่างจังหวัด แต่พ่อแม่มาทำงานแถวรังสิต ทุกๆ เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุด พ่อแม่ก็จะพาเรากลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ไปเยี่ยมคุณตาคุณยาย คืนนั้นเป็นคืนวันศุกร์ เราก็เดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดตามปกติ พ่อก็ขับรถมาเรื่อยๆ จนไปแวะปั๊มแห่งหนึ่งช่วงเข้าเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ่อจอดแล้วก็ลงไปเข้าห้องน้ำ เราก็ไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน ส่วนแม่นั่งรอในรถ ปั๊มนี้เป็นปั๊มเล็กๆ ค่ะ เวลาตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม มีรถเข้ามาจอดเติมน้ำมันบ้าง แต่แปลกตรงที่บริเวณหน้าห้องน้ำ ไม่มีรถมาจอดเลย มีรถเราคันเดียว ส่วนห้องน้ำก็เป็นเรื่องปกติ ที่เวลาดึกๆ เค้าจะเปิดไฟไว้แค่ดวงเดียว บรรยากาศมันก็จะวังเวงๆ หน่อยค่ะ แล้วไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่า? ที่ด้านนอกปั๊มมันก็ปกติทุกอย่าง แต่พอเดินเข้ามาในห้องน้ำ มันเหมือนอยู่คนละโลกเลยค่ะ เงียบกริบ อากาศเย็นยะเยือก แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร ห้องน้ำหญิงมีทั้งหมด 5 ห้อง เราเข้าห้องที่ 3 ค่ะ เพราะเห็นในหนังผีส่วนมากผีจะชอบออกมาจากห้องสุดท้าย.. ระหว่างทำธุระอยู่นั้น อยู่ดีๆ ไฟห้องน้ำมันก็หรี

ไปด้วยกันไหม

รูปภาพ
       เรื่องนี้คือเพื่อนเราเป็นคนเจอค่ะ ส่วนเราก็อยู่กับนางบ้างเป็นบางครั้ง คือเพื่อนคนนี้เรารู้จักกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ แต่ไม่ได้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันนะคะ บังเอิญว่าเราสนิทกันผ่านโซเชียลมีเดีย และสนิทกันเร็วมาก ช่วงที่เราซิ่ว และยังไม่ได้เรียนต่อจริงจัง เราไปหานางบ่อยมาก บางครั้งก็ไปค้างหอนาง อยู่เป็นเพื่อนนางบ้าง เพราะนางอยู่คนเดียวค่ะช่วงที่เกิดเรื่อง เป็นช่วงก่อนวันเกิดนางประมาณ 3-4 เดือน ช่วงนั้นนางมักจะทักแชท ไม่ก็โทรมาเล่าว่ารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครอยู่ด้วยในห้อง นางเป็นคนจิตอ่อน คิดมาก เป็นคนที่ฟุ้งซ่านง่ายมากๆ ค่ะ เราก็บอกไปว่า ‘มึงอยู่คนเดียวในบรรยากาศเงียบๆ แบบนั้น มันก็ฟุ้งซ่านกันทั้งนั้นแหละ ยิ่งคนสติแตกง่ายแบบมึง มันก็ไม่แปลก..’ นับตั้งแต่นั้น เราก็ไปหานางบ่อยขึ้น เพื่อไม่ให้นางคิดมากไปกว่านี้ ผ่านไปได้สัก 1 เดือน เหมือนอาการนางจะหนักขึ้นกว่าเดิมจนเรารู้สึกได้ โทรมาเล่าว่า มีผู้ชายอยู่ในห้องกับนางด้วย จากที่แค่เป็นรู้สึกว่ามีใครอยู่ในห้อง กลายเป็นเริ่มเห็นเงาดำๆ จนถึงขั้นรับรู้ว่านั่นเป็นวิญญาณของชายคนหนึ่ง.. เพื่อนเราจิตตกมาก เพราะกลางคืนนางจะระแวงจนแทบไ

โรงแรมผีที่นครสวรรค์

รูปภาพ
    ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 15-17 ปีที่แล้ว ไม่ได้เห็นผีชัดเจนหรือน่ากลัวเหมือนตอนนี้ แต่ช่วงวัยนั้นค่อนข้างตามใจ,ยังไงก็ได้กับเพื่อนมากกก จนมีเหตุการณ์ที่ทำให้หลอกหลอน ขนหัวลุกตลอดเวลา ในจังหวัดนครสวรรค์จะมีโรงแรม โรงแรมหนึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตอนสมัยนั้นก็ยังไม่ได้เก่ามาก (แต่ก็เก่าอยู่) ทางโรงแรมเหมือน ไม่ค่อยมีคนเข้าพัก เลยเปิดให้บริการเป็นเช่ารายเดือน ที่ราคาถูกมากกกก เพื่อนเราเป็นเด็กต่างอำเภอ เห็นเค้าปิดประกาศก็สนใจ เพราะเที่ยบกับราคาหอที่เพื่อนเช่าอยู่ถูกกว่ากันครึ่งๆ แล้วมีครบ แอร์ น้ำอุ่น ลิฟท์ (สมัยนั้น WiFi ยังไม่มี โทรศัพท์ทันสมัยสุดก็ 3310) ตอนที่เพื่อนไปดู ห้องพักเราไม่ได้ไปด้วยนะคะ เรารู้ก็ตอนบอกว่าให้ไปช่วยขนของหน่อย เราก็ถามเพื่อนนะว่าไปได้หอที่ไหน ก็บอกว่าใกล้ๆ บ้านเรา เราก็โอเค เดียวไปช่วย พอถึง โรงแรมเราก็แปลกใจว่าทำไมเค้าถึงทำเป็นรายเดือน เราก็บอกกับเพื่อนว่าว่าบรรยากาศน่ากลัวเหมือนกันเนอะ วังเวง วิเวก โหวงเหวงมากกก แต่ก็ขำๆ กันนะคะ ก็ขนขึ้นลิฟท์ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ ชั้น 10 หรือ 11 นี่ละคะ พอลิฟท์เปิดออก จะหลอดไฟนีออนยาวๆ แขวนแบบ เหมือน

ผีกองกอย ผีป่า เปิดตำนานผีกองกอยที่คุณอาจไม่เคยรู้

รูปภาพ
   กองกอย  เป็น ผีป่า  ชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเอกลักษณ์ คือจะเป็นผีที่มีขาข้างเดีดยว มีปากเป็นท่อคล้ายแมลงวัน เคลื่อนด้วยการกระโดดไปด้วยขาข้างเดียวที่มีอยู่ พร้อมส่งเสียงร้องว่า “ กองกอย ” บางพื้นที่จะเรียกว่า  ผีโป่ง  หรือ  ผีโป่งค่าง  โดยบางความเชื่อเล่ากันว่า หากได้ดื่มเลือดของผีตัวนี้จะทำให้ร่างกายคงกระพัน เป็นอมตะ เชื่อว่า ผีกองกอยจะดูดเลือดจากหัวแม่เท้าของคนค้างแรมในป่า , , , วิธีการป้องกันคือ ให้นอนไขว้ขาหรือชิดเท้ากันทั้งสองข้างและอย่านอนเอาขาหรือเท้าออกนอกเต็นท์ นอน มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับผี กองกอย เช่น หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ  อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เคยเล่าว่า เมื่อครั้งท่านไปธุดงค์ในป่าดิบทึบในแขวงคำม่วน ประเทศลาว พร้อมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านทั้งสองได้เคยผจญกับฝูงผีกองกอยด้วยในเวลากลางคืน โดยผีกองกอยนี้มีรูปร่างเหมือนเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี มีรูปร่างผอม แต่พุงป่อง ผิวคล้ำ ผมเผ้ารุงรัง จมูกบี้แบน มีอาวุธถือมาในมือคล้ายหน้าไม้หรือธนูอันเล็ก ๆ ส่งเสียงร้อง “ก๋อย ก๋อย ก๋อย” พยายามจะเข้ามาทำร้ายท่านทั้งสอง แต่ทว่าท่านได้นั่งสมาธิ และด้วยปาฏิหาริย

ตำนานเสาหลักเมือง

รูปภาพ
แอดขอเปลี่ยนบรรยากาศ เอาเรื่องของตำนานเสาหลักเมืองมาเล่าให้ฟังบ้าง เป็นเรื่องที่สืบกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีความเชื่อตามประเพณีว่า เมื่อใดที่มีการสร้างพระนคร หรือสร้างเมือง จะต้องมี  ‘เสาหลักเมือง’  โดยในพิธีการฝังเสาหลักเมือง และเสามหาปราสาทนั้น จะต้องเอาคนที่มีชีวิตทั้งเป็นฝังลงไปในหลุมด้วย โดยเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะได้เป็นผู้เฝ้าบ้านเมือง ป้องกันอริราชศัตรู และไม่ให้มีโรคภัยเกิดแก่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ผู้ครองบ้านเมือง การทำพิธีดังกล่าวถ้าจะให้ศักดิ์สิทธิ์ ต้องเอาคนที่ชื่อ อิน, จัน, มั่น, คง มาฝังลงหลุม เล่ากันว่า การจะหาผู้ที่มาฝังลงหลุมนั้น ผู้กระทำพิธีจะออกเดินไปตามย่านต่างๆ แล้วเรียกชื่อ อิน, จัน, มั่น, คง ไปเรื่อยๆ ใครโชคร้ายขานรับขึ้นมา ก็จะถูกนำตัวไปเลี้ยงดูอย่างดี อิ่มหนำสำราญ โดยที่ไม่บอกกล่าวถึงอนาคตข้างหน้า พอถึงวันกำหนดที่จะกระทำการอันทารุณนี้ ก็จะทำการแห่นำไป แล้วผลักลงหลุมเพื่อทำพิธี เมื่อคนมาชุมนุมกันพร้อม ก็จะตัดเชือกปล่อยให้เสาหรือซุงหล่นลงมาทับบนร่างผู้เคราะห์ร้ายนี้ให้บี้แบนอยู่ในหลุม เชื่อกันว่าผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ จะกลายสภาพเป็นเจ้ากรรมนายเวรเฝ้าอยู่ตลอด

พระใหม่กับเปรต

รูปภาพ
         เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณ น. (นามสมมติ) ครับ คุณ น. เล่าว่า.. สมัยที่ผมบวชพระได้ครึ่งพรรษา พอท่องบทสวดคาถาต่างๆ คล่องแล้ว หลวงตาก็ชวนไปออกธุดงค์ ผมก็รีบตกลงทันที เพราะอยากไปเห็นอะไรข้างนอกวัดบ้าง อยู่แต่ในวัดเบื่อๆ ที่ไปธุดงค์กันก็มีหลวงตา พระพี่เลี้ยง 2 รูป และผม พระพี่เลี้ยงก็อายุไล่เลี่ยกับผมนี่ล่ะ แต่ท่านบวชมานานกว่าราว 4-5 พรรษาแล้ว อีกรูปบวชตั้งแต่เป็นเณร พวกเรา 4 รูปก็เริ่มเดินธุดงค์กัน เดินจากวัดไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย แล้วแต่หลวงตาจะพาไป คืนแรกไปจำวัดที่วัดป่าระแวกนั้น หลวงตาค่อยๆ ให้ปรับตัวไปก่อน พอเริ่มออกจากวัดป่าก็ไม่มีวัดอะไรอีกเลย พวกเราก็เดินธุดงค์กันมาเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้านไหนก็จะแวะปักกลดกันใกล้ๆ หมู่บ้านนั้น หลวงตาไม่อยากพาไปที่ที่มันกันดารมากเพราะผมก็ยังใหม่ พระอีก 2 รูปก็เคยธุดงค์ไม่กี่ครั้งเอง เราธุดงค์กันมาหลายอาทิตย์ จนหลวงตาคิดว่าควรกลับได้แล้ว เลยบอกพวกเราว่า ‘ข้างหน้าจะมีวัดป่าอีกแห่ง หลวงตารู้จักเจ้าอาวาส จะไปเยี่ยมเยียนเสียหน่อยก่อนกลับ..’     วัดป่าแห่งนั้นเป็นวัดเล็กๆ โบสถ์ก็สร้างจากไม้ มีพระประธานองค์เล็กๆ แค่องค์เดียวในโบสถ์ เป็นวัดที่ห่าง

ผีปอบบนดอยอินทนนท์

รูปภาพ
      เรื่องมีอยู่ว่า ต้น รวมตัวกับเพื่อน ๆ ได้กลุ่มหนึ่ง ประมาณ 10 คน แล้วนั่งคุยกันว่า เดี๋ยวหลังเสร็จงานจะจัดโปรแกรมไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน พองานเสร็จ ทุกอย่างลงตัว ก็เลยมานั่งคุยกันว่าไปไหนดีเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า ไปดอยอินทนนท์มั้ย แต่อีกคนบอกว่าฝนตก ไม่สนุกหรอกเข้าป่า พอคุยกันไปคุยกันมา ไม่ได้ข้อสรุป ต้นเลยบอก เอาตามที่เอ็งบอกไป ดอยอินทนนท์ นั้นละ     พอได้ข้อสรุป ก็แยกย้ายไปเก็บข้าวของ ก็ขับรถไป พอไปถึงที่  ดอยอินทนนท์  จอดรถเสร็จ ทุกคนหยิบกระเป๋าของตัวเอง แล้วเพื่อนผม จังหวะว่า พาแฟนไปเปลี่ยนบรรยากาศ พอเราเดินไปได้สักพัก (นี้คือเดินอยู่ในป่าแล้วนะครับ) แฟนเพื่อนผม ไปเจอสิ่งที่แบบว่า คล้ายๆ กับแก้วน้ำอะไรสักอย่างเนี่ยละ เลยเดินไปจับแล้วหยิบมาดู ก็ไม่มีอะไร พอหันไปตันไม้ต้นอื่น ก็มีสิ่งแบบเดียวกันอีก เลยหันมาบอกว่า รีบไปเถอะวะ มันจะมืดละ รีบเดินไปให้ถึงจุดกางเต้นกันเถอะ     พอเดินไปได้สักระยะหนึ่ง แฟนเพื่อนผมก็บอกว่า อ้าวเฮ้ย พวกเอ็งเห็นอะไรนั้นปะหายเข้าไปแล้วอะ บนต้นไม้ ทุกคนบอก เฮ้ย เข้าป่าเห็นอะไรอย่าทัก สิ่งดีก็มีไม่ดีก็มี รีบไปเถอะ มันโพ้เพ้แล้ว จากนั้นก็ เดิ