บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กันยายน, 2019

ผู้หญิงคนนั้น ที่ชั้น 14

รูปภาพ
นี่เป็นเรื่องจริงของผมเลยครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ตอนนั้นผมเดินทางไปทะเลกับเพื่อนๆ ที่ระยอง และได้เข้าพักกันที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในตัวเมือง.. ก่อนที่จะเดินทางมา เพื่อนผมมันไปอ่านเจอมา ถึงที่พักในจังหวัดระยอง ว่าคนมักจะเจอเรื่องอะไรแปลกๆ บ่อยๆ เช่น ทีวีเปิดปิดเอง เปลี่ยนช่องเอง.. เห็นเงาคนเดินผ่านนอกหน้าต่างทั้งๆ ที่ไม่มีระเบียง.. และก็อีกหลายๆ อย่างครับ แต่ว่าผมไม่ค่อยสนใจ เพราะผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย และอีกอย่างมาเที่ยวครั้งนี้ผมนอนคนเดียวด้วย เลยคิดว่ามันคงจะหาเรื่องหลอกให้ผมกลัวเล่นๆ พอมาถึง ก็ไปเช็คอินกันครับ พนักงานต้อนรับที่นี่ รวมถึง รปภ. จะเป็นผู้หญิงทั้งหมด.. หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนๆ ก็ออกไปเที่ยวเล่นกันจนเหนื่อย กว่าจะกลับมาพักที่ห้องก็มืดครับ.. แล้วก็เล่นไพ่กันต่ออีก ที่ห้องเพื่อนคนนึงชั้น 14 ครับ พวกเราเล่นกันจนถึงตี 1 ได้ ผมก็ง่วงมากแล้วตอนนั้น เลยขอแยกตัวไปนอนก่อน.. ช่วงนั้นห้องค่อนข้างเต็มครับ ผมได้ห้องแยกไปอยู่ที่ชั้น 10 ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ อยู่ชั้น 14 กันหมด ตอนที่ผมเดินออกมากจากห้องเพื่อนไปที่ลิฟท์ ร่างกายอ่อนแรงมาก ตัวเย็นๆ วูบๆ แต่ก็ไ

แวะดูอุบัติเหตุ

รูปภาพ
พอดีสัปดาห์ก่อนผมได้ไปเที่ยวที่สัตหีบจังหวัดชลบุรี เลยนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เคยเจอมา สมัยก่อนผมเคยถูกส่งมาเรียนที่ชลบุรี และพักอยู่ที่บ้านอา อาผมเป็นหมอประจำตำบลบางเสร่ (บางเสร่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ) สมัยนั้นเรียกได้ว่าคนทั้งตำบลต้องมารักษาที่คลีนิคของอา โดยก็ใช้บ้านของอานี่ล่ะเปิดเป็นคลินิค และงานที่อาต้องทำบ่อยๆ ก็คือชันสูตรศพครับ เด็กแว้นเยอะมาก ตายทุกวัน หน้าที่ของอาคือเมื่อเกิดอุบัติเหตุมีคนตาย ก็ต้องไปชันสูตรศพว่าตายอย่างไร? รถชนตายคาที่ หรือกระเด็นออกไปกระแทกตาย? อะไรแบบนี้ เสร็จก็เซ็นชื่อพร้อมให้ตำรวจรับศพไป มีวันหนึ่ง หลังกินข้าวเสร็จ ได้ยินเสียงรถชนดังลั่น  ‘โครม!!’  อาก็รู้ตัวละ เลยเตรียมตัว ผมก็รับสายโทรศัพท์บ้าน ตามคาดครับ ตำรวจเรียกตัวอาไปดูศพ วันนั้นผมเกิดอยากไปด้วยเพราะไม่เคยเห็น.. พอไปถึงที่เกิดเหตุ ที่เห็นคือวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์แหกโค้งชนเสาไฟฟ้าตายคาที่ เลือดอาบ ร่างบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปเลย ไทยมุงก็มากันไม่น้อย ขณะที่รออาชันสูตรศพ ผมก็รู้สึกวูบวาบขึ้นมาที่แขนขวา เลยหันไปมองคนที่ยืนทางขวามือผม เท่านั้นล่ะ ถึงกับสตั๊นไปเลย!! ผมมองไปที่ศพข้างหน้า แล้วกลับมามองค

วิญญาณหวงบ้าน2

รูปภาพ
  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณโอมครับ เนื่องจากคุณโอมได้เข้ามาอ่านเล่าเรื่อง ผีหวงบ้าน ของคุณครูเทพ ทำให้คุณโอม ที่ก็เคยมีประสบการณ์สยองจากบ้านหลังเดียวกันนี้ ได้ตัดสินใจส่งเรื่องของตัวเองเข้ามาครับ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน คุณโอมเล่าว่า.. เมื่อสมัยผมอยู่ ม.6 ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อนัท (โดนัท) เป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิทกัน พี่ของนัทเพิ่งจะไปเช่าบ้านหลังหนึ่ง อยู่ในซอยเคหะ รามอินทรา กม.4 ลักษณะบ้านชั้นล่างเป็นปูน ข้างหลังบ้านจะมีครัวขนาดใหญ่ มีตู้ทำขนมเต็มไปหมด ส่วนชั้น 2 จะเป็นไม้ครับ ขึ้นบันไดไปจะมีห้องเล็กอยู่ตรงข้ามบันได มองไปทางขวาเป็นห้องใหญ่ จะมีเสาอยู่ตรงกลาง ที่เสาจะมีผ้าสีผูกไว้อยู่ และมีคราบเหมือนน้ำหยดอยู่ตลอด.. นัทเคยเล่าให้ฟังว่าบ้านนี้มีผี มีเสาตกน้ำมันอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่ามันพูดเล่นไปอย่างนั้นครับ วันที่เกิดเหตุเป็นวันพุธ เป็นวันที่ต้องไปเรียน รด. พอเรียนเสร็จ ผมก็กลับมากับนัท และก็มีแฟนของนัทชื่อ กิ่ง มาด้วย เราแวะไปที่บ้านนัทกัน ตอนนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ฟ้ากำลังใกล้มืดเลยครับ ผมหิวข้าวเลยทำไข่เจียวกิน นั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่าง

วิญญาณหวงบ้าน

รูปภาพ
สมัยผมเรียน ปวช. ที่สถาบันศิลปะแห่งหนึ่งย่านบางเขน เวลาอาจารย์สั่งงานกลุ่ม พวกผมจะต้องย้ายออกจากบ้านมาหาหอพักกัน เพราะงานที่ได้รับมอบหมายส่วนใหญ่ จะต้องร่วมกันใช้สมาธิ และจินตนาการในการสร้างงานมาก พวกผมก็ได้ไปหาหอพักกันใกล้ๆ สถาบัน ก็จะมีแต่ราคาค่อนข้างสูง หรือไม่ก็เจอหอพัก ที่เจ้าของหอไม่ต้องการให้กลุ่มวัยรุ่นอย่างพวกผมอยู่ด้วยกันได้หลายๆ คน ก็เข้าใจเจ้าของหอนะครับ เพราะเวลาเด็กศิลป์รวมตัวกัน มันก็ใช่ย่อยทีเดียว.. หาหอพักกันนานจนเหนื่อยใจ ไม่ได้สักที จะเลือกบ้านเพื่อนแต่ละคนก็ไม่สะดวก แต่แล้วก็เหมือนพระมาโปรด วันหนึ่ง ระหว่างที่ผมกินข้าวกับครอบครัว ได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องบ้านของเพื่อนพ่อ ที่จะหาคนเช่า อยู่แถวรามอินทรา กม. 4 ผมก็เลยถามพ่อไปว่า ‘เพื่อนพ่อให้เช่าต่อเดือนราคาเท่าไหร่ครับ?’ พ่อบอกว่า 1500 บาท เป็นบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวา มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ผมนี่รีบบอกเลยว่าผมจะเช่ากับเพื่อนๆ เพราะต้องมารวมตัวกันทำงานกลุ่ม จะได้ทำงานกันอย่างอิสระ วันต่อมา ผมกับเพื่อนๆ 5 คนมาดูบ้านที่จะเช่า เป็นบ้าน 2 ชั้น อยู่ท้ายซอยดูเงียบสงบมาก เงียบจนรู้สึกวังเวง และอยู่ห่างจากบ้านที่ใกล

ใครคนนั้นที่ตามมา?

รูปภาพ
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะคะ ว่าบ้านเราเป็นครอบครัวใหญ่ บ้านจะอยู่ระแวกใกล้ๆ กันหมด แถวๆ วัดไผ่เงิน ย่าเรามีธุรกิจทำโรงงานผลิตสติกเกอร์ค่ะ วันหนึ่ง ย่าเราต้องย้ายของจากโรงงานนี้ไปอีกที่หนึ่ง ก็เลยให้อาเรามาช่วยขนของให้ เพราะอาเรามีรถกระบะ โดยมีคนงานมาช่วยขนของอีก 3 คน รวมอาสะใภ้ กับย่าเรา ทั้งหมด 6 คนค่ะ อาเราเป็นคนขับ ย่านั่งหน้าข้างคนขับ อาสะใภ้นั่งในแคปหลัง ส่วนคนงาน 3 คนนั่งกระบะหลังพร้อมกับของ จากนั้นก็ขับไปถึงที่หมายแล้วก็ขนของลงตามปกติ   พอขนของทุกอย่างลงหมด ทุกคนก็พักกันจนหายเหนื่อย ย่าเราก็พูดขึ้นว่า  ‘พอแค่นี้ก่อนวันนี้ เอ้าขึ้นรถกันได้แล้ว..’  จากนั้นก็พากันขึ้นรถเตรียมตัวไปส่งย่ากับคนงานที่โรงงานค่ะ พอขับไปถึงร้านค้า ย่าบอกให้อาเราจอดรถ แล้วย่าก็เปิดหน้าต่างตะโกนออกไปว่า  ‘เอาน้ำให้คนด้านหลังกระบะหน่อยคนละขวด’  พอสิ้นเสียงย่าพูด สักพักหนึ่งก็มีแม่ค้าเดินเอาน้ำใส่ถุงมาให้คนงานที่กระบะหลัง แล้วก็มาเก็บเงินที่ย่าเราหน้ารถ ย่าถามว่า คิดเกินหรือเปล่า? มีแค่ 3 คนนะ แต่แม่ค้าบอกว่าทั้งหมด 4 ขวดค่ะ ด้วยเวลาโพล้เพล้บวกกับความเหนื่อย ย่าเราเลยรีบๆ จ่ายไปแบบไม่ได้คิดอะไร   อาเราก็ข

งานศพของพ่อตา

รูปภาพ
เรื่องนี้เคยได้ยินคนเล่าต่อๆ กันมา เป็นเรื่องราวในงานศพของพ่อตาที่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ในงานศพ ลูกเขย 3 คนของพ่อตา ต่างยืนเรียงหน้ากันข้างโลงศพเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย.. ลูกเขยคนโต  มีอาชีพเป็นหมอ ได้พูดขึ้นว่า..  ‘พ่อได้จากพวกเราไปแล้ว.. นี่คือสิ่งที่ผมคงทำให้พ่อได้เป็นครั้งสุดท้าย’  แล้วลูกเขยคนโตก็หยิบเงินสดจำนวน 100,000 บาทใส่ลงไปในโลง และพูดว่า  ‘ผมให้พ่อไปใช้ในภพหน้าครับ..’ ลูกเขยคนกลาง  มีอาชีพเป็นครู เห็นแบบนั้นจึงพูดขึ้นบ้างว่า..  ‘ผมก็คงไม่มีอะไรจะให้พ่อ ตำแหน่งผมก็ยังเล็กอยู่ ผมให้เงินพ่อไปใช้ในภพหน้าแล้วกัน..’  แล้วลูกเขยคนกลางก็หยิบเงินสดจำนวน 70,000 บาท ใส่ลงไปในโลง ส่วน  ลูกเขยคนเล็ก  เป็นตำรวจ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า..  ‘ผมเพิ่งเป็นตำรวจใหม่ๆ เงินเดือนผมก็ยังน้อยอยู่ ผมคงช่วยพ่อได้แค่ 30,000 บาทนะครับ..’  พูดจบลูกเขยคนเล็กก็หยิบเช็คขึ้นมา เขียนตัวเลขลงไป 200,000 บาท และฉีกออกจากเล่มวางใส่ลงไปในโลง แล้วหยิบเงินทอนขึ้นมา 170,000 บาท ก่อนจะร้องห่มร้องไห้เดินจากไป..

รุ่นน้องที่ตามมา

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของแฟนครีมค่ะ แต่ครีมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด.. มีอยู่วันหนึ่ง เรา 2 คนไปทำบุญกันที่วัดลานบุญ อยู่ๆ แฟนครีมก็บอกว่าอยากดูดวง และที่นี่ก็มีหมอดูที่ครีมดูประจำค่ะ แม่นระดับนึงเลยทีเดียว ก็เลยไปดูดวงกัน พอดูไปสักพักนึง แฟนก็ถามหมอว่า ‘ช่วงนี้มีอะไรตามผมมาไหม? ผมรู้สึก..’ พอดีว่าแฟนครีมก็เป็นคนมีเซนส์เรื่องนี้อยู่บ้างค่ะ หมอดูก็มองหน้าแฟนครีมสักพัก และบอกว่า ‘มีเด็กตามมาคนหนึ่ง รู้สึกปวดไหล่ข้างเดียวใช่ไหม นี่ปวดมาเป็นเดือนแล้วนี่ เพราะเด็กกอดแขนเราแน่นเลย.. ได้ไปวัดที่ไหนมาก่อนหน้านี้ แล้วไปทักตุ๊กตาเด็ก หรืออะไรทำนองว่าชวนเค้ามาอยู่ด้วยรึเปล่า?’ ครีมกับแฟนก็ช่วยกันนึก ก็จำได้ว่าวัดล่าสุดที่ไปคือวัดย่านาค แต่เรื่องตุ๊กตานี่ก็นึกยังไงก็นึกกันไม่ออกค่ะ หมอดูเลยแนะนำให้ลองไปที่วัดย่านาคดู.. ครีมก็เริ่มกลัว เลยหันไปบอกแฟนว่า ‘งั้นเดี๋ยวไปเลยก็ได้ ไปส่งน้องเค้าหน่อย..’ พอขับรถไปถึงวัดย่านาค ครีมจอดรถใกล้ๆ ศาลาสวดพิธีศพ พอเดินไปเรื่อยๆ ครีมก็ชะงักอยู่ที่ศาลา ศาลาหนึ่ง แล้วหันไปบอกแฟนว่า ‘ศาลานี้ คราวที่แล้วที่กำลังสวดศพให้เด็กคนนึงใช่ไหม?’ แฟนครีมบอกว่าใช่ และก็หน้าเส

ผู้หญิงคนนั้นที่ชั้น 14

รูปภาพ
 นี่เป็นเรื่องจริงของผมเลยครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ตอนนั้นผมเดินทางไปทะเลกับเพื่อนๆ ที่ระยอง และได้เข้าพักกันที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในตัวเมือง.. ก่อนที่จะเดินทางมา เพื่อนผมมันไปอ่านเจอมา ถึงที่พักในจังหวัดระยอง ว่าคนมักจะเจอเรื่องอะไรแปลกๆ บ่อยๆ เช่น ทีวีเปิดปิดเอง เปลี่ยนช่องเอง.. เห็นเงาคนเดินผ่านนอกหน้าต่างทั้งๆ ที่ไม่มีระเบียง.. และก็อีกหลายๆ อย่างครับ แต่ว่าผมไม่ค่อยสนใจ เพราะผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย และอีกอย่างมาเที่ยวครั้งนี้ผมนอนคนเดียวด้วย เลยคิดว่ามันคงจะหาเรื่องหลอกให้ผมกลัวเล่นๆ พอมาถึง ก็ไปเช็คอินกันครับ พนักงานต้อนรับที่นี่ รวมถึง รปภ. จะเป็นผู้หญิงทั้งหมด.. หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนๆ ก็ออกไปเที่ยวเล่นกันจนเหนื่อย กว่าจะกลับมาพักที่ห้องก็มืดครับ.. แล้วก็เล่นไพ่กันต่ออีก ที่ห้องเพื่อนคนนึงชั้น 14 ครับ พวกเราเล่นกันจนถึงตี 1 ได้ ผมก็ง่วงมากแล้วตอนนั้น เลยขอแยกตัวไปนอนก่อน.. ช่วงนั้นห้องค่อนข้างเต็มครับ ผมได้ห้องแยกไปอยู่ที่ชั้น 10 ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ อยู่ชั้น 14 กันหมด ตอนที่ผมเดินออกมากจากห้องเพื่อนไปที่ลิฟท์ ร่างกายอ่อนแรงมาก ตัวเย็นๆ วูบๆ แต่ก็

ความกล้าของผม

รูปภาพ
 ผมกลับบ้านมา เปิดประตูบ้านเข้าไป ก็ได้ยินเสียงพิธีกรคนหนึ่งในรายการโทรทัศน์ ซึ่งผมรู้ว่าเป็นรายการเล่าเรื่องผี เรื่องเหนือธรรมชาติ.. น้องชายผมกำลังนอนเล่นมือถือ สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอในมือ ผมไม่แน่ใจว่าหูของน้องผมให้ความสนใจกับเรื่องเล่าในโทรทัศน์หรือไม่.. ‘มึงเชื่อเรื่องผีในรายการป่ะวะ’ เสียงกันต์น้องชายผมถาม เมื่อเห็นผมกำลังถอดเสื้อผ้าจะเข้าไปอาบน้ำ.. ‘มึงก็รู้ว่ากูไม่เชื่อเรื่องพวกนี้’ ผมตอบ และก็เป็นความจริงที่ผมไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ผมก็บอกไม่ถูก ว่าทำไมผมถึงมองว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลของพวกงมงาย ‘คนไม่เคยเจอแบบมึงไม่รู้หรอก’ น้องผมสวนกลับมา ผมจึงถามกลับด้วยความสงสัยว่า ‘แล้วมึงรู้ได้ไงว่าที่มึงเจอคือผีวะ? ตอนนั้นมึงแค่ได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ข้างนอก มึงยังไม่ทันออกไปดูเลย มึงก็คิดว่าเป็นผีละ’ ยังไม่ทันที่น้องผมจะเถียงต่อ ผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย ผมขี้เกียจเถียงต่อให้เสียเวลา เพราะยังไงคนที่มีความเชื่อต่างกันก็คงเถียงกันไม่มีที่สิ้นสุด จนผมอาบน้ำเสร็จ เดินเข้ามาในห้องนอนที่ผมนอนร่วมกับน้อง ห้องนอนนี้จะอยู่แยกออกจากตัวบ้าน อยู่ใกล้กับประตูรั้วบ้าน เดิมทีเคยเป็นห้

ใครคือนักบาสลึกลับคนนั้น

รูปภาพ
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาครับ เจมส์เป็นคนที่ชอบเล่นบาสมาก เล่นอยู่ที่สนามจน 2-3 ทุ่มทุกวัน เพื่อนก็ต้องคอยเอาพวกอาหาร หรือชุดไปให้มันที่สนามทุกเย็น คุณเจมส์เล่าว่า.. มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นเพื่อนผมไปธุระที่ต่างอำเภอ ผมเลยต้องไปกินข้าวเอง เอาของเอง ช่วงนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ผมกลับมาจากเอาของ ก็เข้าไปที่สนามบาส ตอนนั้นสนามโล่งมากครับ ปกติช่วงนั้นคนจะเล่นเยอะมาก แต่วันนี้เงียบผิดปกติ ผมก็ไม่ได้สนใจ เล่นบาสไปเรื่อยๆ ซักพักก็มีเด็กผู้ชายคนนึงเข้ามาที่สนามบาส มาถามว่า ‘เล่นด้วยได้มั้ย..?’ ผมก็ตกลง เพราะไม่มีใครเล่นด้วยเลย ก็เล่นบาสไป.. สักพัก โทรศัพท์ของผม ที่วางไว้ข้างสนามก็ดัง มีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามา พอรับสายก็ไม่มีเสียงอะไร ผมเลยตัดสายทิ้งไป.. แล้วอีกไม่นาน เบอร์เดิมก็โทรเข้ามาอีก พอรับสายก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเหมือนเดิม ผมเลยปิดเครื่องไป.. ผมเล่นบาสไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทุ่มกว่าๆ ลมข้างนอกสนามเริ่มแรง เหมือนฝนจะตก ผมเลยบอกน้องคนนั้นว่า ขอกลับก่อน และก็ใส่เสื้อคลุม เก็บของ แล้วรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป แต่พอถึงหน้าทางเข้าสนามบาส เหมือนมีอะไรบ

อยากลองไหมหล่ะ?

รูปภาพ
เรื่องของคุณเอฟ (นามสมมติ) มีอาชีพเป็นนักดนตรีเล่นกลางคืน.. ในทุกๆ คืน คุณเอฟจะเลิกงานประมาณเกือบๆ ตี 2 และจะกลับหอพัก ที่อยู่แถวๆ บางกะปิ.. ลักษณะของหอพักจะมีห้องน้ำรวม ซึ่งจะมีอยู่ทุกชั้น คุณเอฟเล่าต่อไปว่า.. มีอยู่คืนหนึ่ง ผมกลับมาจากเล่นดนตรีตามปกติ ก็เดินขึ้นห้อง จนมาถึงชั้น 3 มีผู้หญิงคนนึง ผิวขาว หน้าตาดีเดินผ่านมา ผมก็มอง ตามประสาผู้ชาย ที่มองผู้หญิงสวยทั่วไป.. พอมาอีกวัน ผมก็เจอผู้หญิงคนนี้อีก ที่บริเวณเดิม คือแถวๆ บันไดชั้น 3 ผมก็มองอยู่เหมือนเดิม ผมเจอเธออยู่อย่างนั้น 2-3 คืนติดกันเลย แต่เจอทีไร เธอก็ใส่ชุดแบบเดิมตลอด ผมก็คิดว่า คงเป็นชุดฟอร์มของที่ทำงาน และเธอน่าจะทำงานกะกลางคืน ที่ไหนสักแห่ง เพราะเจอเวลาเดิมๆ มาหลายคืนแล้ว.. พอกลับมาที่ห้อง ผมคิดว่าเอาวะ ถ้าเจออีกวันที่ 4 จะถามชื่อ จะจีบให้ได้ เพราะเธอค่อนข้างสวย ตรงสเปคผมเลย.. พอคืนวันที่ 4 เวลาเดิม ผมเจอเธอที่เดิมตรงบันไดชั้น 3 คราวนี้ผมลองยิ้มให้ เพื่อลองเชิงดูว่า เธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร.. และเธอก็ยิ้มตอบกลับมาครับ ผมก็กะจะถามแล้ว ว่าชื่ออะไร แต่ก็ยังก่อน รอไว้คืนพรุ่งนี้ถ้าเจออีกถามแน่ๆ.. วันต่อมา ผมไปทำงานก็เล่

ต้องเซ่นด้วยเนื้อดิบ

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นแปลกๆ ที่แอดมินได้ฟังมาจากเพื่อนของคุณดา (นามสมมติ) ปัจจุบันคุณดาเรียนอยู่ปี 2 ที่ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านดุสิต คุณดาได้ย้ายจากหอเดิม เพื่อมาอยู่หอใหม่ ที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากขึ้น ตอนคุณดาไปสอบถามห้องว่าง ทางหอแจ้งว่าเหลือห้องว่างอยู่เพียงห้องเดียว คุณดาเลยรีบตกลงที่จะอยู่ เพราะไม่อยากเดินทางไกล คุณดาเป็นมีเซนส์แรงอยู่แล้ว พอเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ก็เจอเลย เป็นชายแก่เนื้อตัวสกปรก ลิ้นยาวแดง มาให้เห็นโจ้งๆ เลย.. หลังๆ มีมาเข้าฝันบ้าง เป็นเสียงบ้าง หรือมาตัวเป็นๆ ก็มี และที่แปลกคือ มาขอให้เซ่นของให้ และของที่เซ่น ต้องเป็นเนื้อสัตว์ดิบๆ เท่านั้น! เมื่อไหร่ที่เขาหิวเขาจะมาขอตลอด.. ถ้าคุณดาไม่เซ่น เขาก็จะโกรธ มาให้เห็นในแบบที่น่ากลัว และขู่จะเอาชีวิตไป.. ไม่ว่าจะสวดมนต์ ไปทำบุญกรวดน้ำ หาพระ เขาก็ไม่ยอมไป จนเมื่อไม่นานมานี้ คุณดาย้ายหอแล้ว เพื่อหวังจะหนี แต่เขาก็ยังตามมาอีก! และทุกวันนี้คุณดายังต้องเซ่นเนื้อสัตว์ดิบๆ ให้เขาเรื่อยๆ คุณดาใช้ชีวิตแบบนี้มาจะเป็นปีแล้วครับ.. https://mm88.bet/

โรงครัวของวัดแห่งหนึ่ง

รูปภาพ
 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณ 1 ปีที่แล้ว ผมขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงครับ คือตอนนั้นเพื่อนผมคนหนึ่งมันบวช แน่นอนว่างานบวชคนต้องมาเยอะ แล้วก็จะต้องเตรียมของใช้ต่างๆ เยอะมาก เช่นโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องครัว แก้วน้ำ จาน ชามเป็นต้น ซึ่งที่บ้านเพื่อนผมมันก็ต้องยืมของจากทางวัดมาใช้ก่อน ก็ต้องไปขนจากวัดเอามาจัดงานที่บ้าน ซึ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติดีจนจบงานบวช ก็ถึงเวลาที่จะต้องเอาของไปคืนวัดกัน โดยจะเอาของใส่รถกระบะไปครับ ของมันก็เยอะจนต้องแบ่งกันไปหลายคัน ใช้คนประมาณ 3 คนต่อรถกระบะ 1 คัน ผมรับหน้าที่เอาเครื่องใช้ในครัวไปคืนวัด โดยรถกระบะคันผมมี ผม น้องผม และเพื่อนอีกคน พอเอาของขึ้นรถเสร็จก็ออกไปกันเลย โดยผมจะเป็นคนขับครับ แต่ตอนกำลังจะออกรถ อยู่ๆ ก็มีป้าคนหนึ่งเดินมาจากไหนไม่รู้ มาถามว่า ‘หนุ่มๆ จะเอาของไปคืนวัดใช่ไหม?’ ผมก็ตอบว่าใช่ครับ ป้าแกก็ขอติดรถไปด้วย ผมก็ไม่ได้อะไรให้ป้าแกขึ้นรถมาด้วยกัน พอขับไปถึงหน้าวัด ป้าแกก็ลง แต่ก่อนป้าแกจะไป แกหันมาบอกว่า ‘เวลาเอาของไปเก็บในโรงครัว อย่าเสียงดังกันนะ เพราะที่นั่นน่ะเจอดีกันมาหลายคนแล้ว..’ ผมเองก็งงๆ แต่ก็รับปากแกไป จนผมขับเข้ามาในวัด ไปจอดร

นอนผิดทิศผิดทาง

รูปภาพ
เรื่องของเราเกิดขึ้นเมื่อสมัยเราเป็นเด็กค่ะ คือเราจะเป็นคนกลัวผีมาก แต่ก็ยังไม่เคยเจอนะคะ ตอนนั้นเราอยู่บ้านกับยาย 2 คน มักจะได้ยินคนบอกต่อๆ กันว่าแถวบ้านเราเจ้าที่แรง คนแถวบ้านฝันเห็นเด็กโบราณ และเจออะไรแปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง หรือมีคนบอกว่า ถ้านอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก คือนอนไปทางเดียวกับคนตาย จะสามารถติดต่อหรือเห็นวิญญาณได้ คืนหนึ่ง เรากับยายก็เข้านอนกันตามปกติ จำได้ว่าเวลาน่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว เราหลับอยู่ แต่ก็ต้องตื่นเพราะมีคนเรียกชื่อเรา ดังมาจากตู้กระจกด้านข้าง เสียงแบบแหบๆ ยานๆ ว่า ‘น้อง..นก..’ เรียกอยู่ 3-4 ครั้งจนเรามั่นใจว่าไม่ได้หูแว่วไปเองแน่ๆ แล้วเราก็ได้ยินเสียงของตู้กระทบกับกระจกเป็นระยะๆ ‘กึกๆ แก่กๆ’ เรานอนฟังอยู่ แต่ไม่กล้าจะลืมตาขึ้นมาดู เพราะกลัวมาก มีเรากับยายนอนกันแค่ 2 คน แล้วคนที่เรียกชื่อเราตรงตู้คือใคร? จนเราเริ่มรู้สึกได้ว่ายายเรานอนอยู่ข้างๆ ก็จริง แต่ว่าหัวเรากลับอยู่ที่เท้าของยาย หันไปทางทิศตะวันตกอยู่นั่นเอง! รู้ทันทีว่าเราคงนอนดิ้น เลยพยายามพลิกตัวกลับไปทิศตะวันออกอย่างเดิม จนสุดท้ายเสียงนั่นก็หายไป พอเราเริ่มหายกลัว เรารีบกระโดดไปทับยายทันที เหมือนค

เข้าค่ายนักกีฬาโรงเรียน

รูปภาพ
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนค่ะ ช่วงนั้นเราอยู่ ม.4 ทุกๆ ปี ทางโรงเรียนจะมีการแข่งขันกีฬา เพื่อคัดนักเรียนไปทำการแข่งในระดับภาค ซึ่งปีนี้เราเป็นหนึ่งในนักกีฬาวอลเล่บอล ที่ต้องไปทำการแข่งขันที่จังหวัดศรีสะเกษค่ะ พอไปถึงศรีสะเกษ เราได้เข้าไปพักที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นค่ายนักกีฬา อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ไปถึงวันแรกก็ปกติ ไม่มีไรค่ะ พอมาวันที่ 3 เป็นวันที่เราต้องลงแข่ง กว่าจะแข่งเสร็จก็ดึกมากแล้ว นักกีฬาประเภทอื่นๆ เค้ากลับกันหมดแล้ว พวกเรากว่าจะกลับขึ้นห้องพักก็ประมาณ 4 ทุ่มได้.. เรากับเพื่อนในทีม 6 คนพากันไปอาบน้ำ ตรงห้องอาบน้ำที่เขาจัดไว้ให้ แต่พอไปถึงน้ำกลับไม่ไหลค่ะ เลยต้องพากันไปหาที่อาบที่อื่น ก็เดินไปหลังห้องคหกรรมมั้งคะ จะมีห้องน้ำ 4 ห้อง เลยเข้าไปอาบห้องละคน และอีก 2 คนรอข้างนอก.. เราเป็นกลุ่ม 4 คนที่เข้าไปอาบก่อนค่ะ พอเราอาบเสร็จเพื่อนอีก 2 คนที่เหลือก็เข้าไปอาบต่อ เรา 4 คนก็ออกมานั่งรอข้างหน้า คุยเล่นไปเรื่อย สักพักได้ยินเสียงคนกวาดขยะ อยู่แถวสนามเด็กเล่นใกล้ๆ เราก็หันไปดูค่ะ แต่มองไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะเราถอดคอนแท็กเลนส์ไปแล้วก่อนอาบน

ที่นี่มีใครอยู่ไหม?

รูปภาพ
เรามีพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง ชื่อพี่ศรี พี่ศรีเนี่ยจะเป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่นตลอดเวลา.. อยู่มาวันนึงพ่อพี่ศรีแกเสีย ทางบ้านพี่ศรีก็จัดงานศพให้ จนผ่านไป 7 วันก็เผา งานเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร วันรุ่งขึ้น พี่ศรีก็ไปเก็บกระดูกพ่อเค้ากับญาติๆ ซึ่งต้องไปเก็บในเมรุ ขณะที่กำลังจะเก็บกระดูก พี่ศรีแกก็เคาะๆ ประตูเมรุ ชะโงกหน้าเข้าไปข้างในแล้วร้องเพลง ‘มีใครอยู่บ้างมั๊ยครับ ถ้าหากว่ามีส่งเสียงหน่อย..’ ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บจนเสร็จ และนำไปลอยอังคาร.. ตกตอนเย็น พี่ศรีก็กลับบ้าน บ้านพี่ศรีจะเป็นบ้านชั้นเดียว อยู่กับพี่ชาย.. ก็ทำนู่น ทำนี่ไปเรื่อยจนค่ำพอดี พอเห็นว่ามืดแล้ว พี่ศรีก็จะเดินไปปิดหน้าต่างบ้าน (หน้าต่างจะมีมุ้งลวด และเหล็กดัดอีกชั้นหนึ่ง) พอมองไปก็เห็นว่ามีเงาคนยืนอยู่ตรงหน้าต่างด้านนอก ห่างจากบานหน้าต่างไปประมาณ 2 คืบได้.. พี่ศรีก็ชะโงกหน้าไปดู เพราะมองผ่านมุ้งลวดในช่วงโพล้เพล้ มันจะเห็นไม่ชัด พอพี่ศรีชะโงกเข้าไป คนนั้นก็ชะโงกเข้ามาด้วย พี่ศรีเลยผงะออก ตกใจ คนนั้นก็ผงะออกด้วยเหมือนกัน.. ทีนี้พี่ศรีก็กำลังจะเดินไปที่ประตูบ้าน จะออกไปดูว่าใครมา ซึ่งก็ต

เธอมากับมีด

รูปภาพ
 บ้านเราเป็นทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น ไม่เล็กไม่ใหญ่ เรานอนแยกห้องเดี่ยว มีคนบอกว่า ห้องเราจะเรียกว่าเป็นทางผีผ่านพอดีค่ะ.. หมู่บ้านเรานี่จะเงียบมากๆ จนได้ยินเสียงคนเดิน ห้องเราเป็นห้องที่มีประตู 3 บานอยู่ติดกันค่ะ บานแรกคือประตูห้องน้ำ เดินมา 2 ก้าว จะเป็นประตูห้องนอน และตรงข้ามกันเลย คือประตูระเบียงค่ะ.. แม่บอกว่า ปีนี้อยากให้เรานอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก เพราะจะเสริมเรื่องโชคลาภ เราก็ทำตามนะคะ ซึ่งพอเรานอนหันหัวไปทางนั้น มองขึ้นไป ตัวเราจะขนานกับคานบ้านค่ะ.. เรานอนอย่างนั้นมาได้ 2 เดือน ก็ไม่มีอะไร จนมีอยู่วันหนึ่ง เราทำงานจนเพลียมากๆ เลยตัดสินใจนอนเร็ว ประมาณ 5 ทุ่ม พอหลับไปได้สักพักใหญ่ๆ เรารู้สึกเหมือนว่ามีคนมานั่งจ้องเราอยู่ที่ข้างๆ เตียง จ้องแบบ จ้องจนเราต้องลืมตาขึ้นมามอง พอลืมตามาเท่านั้นแหละค่ะ เราสบตากับผู้หญิงคนนึง หน้าซีดๆ ใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ และกางเกงเจเจค่ะ เหมือนคนธรรมดาๆ ดูยังวัยรุ่นอยู่เลย เรานอนตะแคง และจ้องกันอยู่แบบนั้นสักครู่เลย ไม่มีใครพูดอะไรออกมา และแน่นอนว่าเราทำอะไรไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ และพูดไม่ได้ แต่เหมือนจิตมันสื่อถึงกันได้ค่ะ เหมือนเขาอยากคุยกับเรา จ้องกันส

ผียายสปีด

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณอานนท์ เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นคุณอานนท์ เดินทางไปเที่ยวหาเพื่อนสนิท ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาทางภาคใต้ คุณอานนท์เล่าว่า.. ผมขับรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปคนเดียว พอไปถึงบ้านเพื่อนที่หาดใหญ่ ก็เป็นช่วงบ่าย กินข้าวกันเสร็จ ด้วยความเพลีย ผมก็นอนหลับไปยาวเลย ตื่นมาอีกที ก็กินข้าวเย็นต่อเลย เพื่อนผมคนนี้เป็นคนหาดใหญ่ ที่เคยไปเรียนที่กรุงเทพฯ พอมันกลับมาหาดใหญ่ หลังจากเรียนจบ เราก็เพิ่งจะได้เจอกันนี่เอง ก็เลยคุยกันไป กินเหล้าไป ตามประสาเพื่อนสนิท.. พอสักช่วงประมาณ 2 ทุ่มกว่า โซดาน้ำแข็งเริ่มหมด ผมก็อาสาออกไปซื้อให้ โดยยืมมอเตอร์ไซค์มันไป.. ผมขี่รถออกไปเรื่อยๆ ตามทางเพื่อหาร้านโชห่วยใกล้ๆ ที่ยังพอเปิดให้ซื้อของได้ แต่ก็ไม่ยักมีร้านข้างทางเท่าไหร่ เลยขี่ลัดเลาะหาร้านค้าตามซอยต่างๆ ไปเรื่อย.. จนผมขี่รถเข้ามาในซอยๆ นึง ก็เห็นยายแก่ๆ ผมหงอกทั้งหัว นั่งอยู่ริมทางเท้า ตอนนั้นผมก็งง คิดในใจว่า ดึกแล้วทำไมไม่กลับบ้าน ยังมาขายอะไรอยู่ข้างทางอีก ใครจะไปซื้อ ด้วยความที่ซอยนี้ค่อนข้างมืด และทางก็โล่ง ผมก็บิดเต็มที่เลย (ผมก็เด็กแว้นเก่า) ระหว่างนั้นก็เริ่มเอะใจ เห็นศาลเ

ลิฟท์แดง

รูปภาพ
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรม ที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อเช้ามืดวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่เรารู้จักกันว่า ‘ตุลามหาวิปโยค’ หรือ ‘วันฆ่านกพิราบ’ ขณะที่กลุ่มนักศึกษากำลังชุมนุมประท้วง เพื่อยื่นข้อเรียกร้องทางการเมือง ทันใดนั้นก็มีเหล่าทหาร ตำรวจจำนวนมาก บุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อระดมยิง และเผานักศึกษาทั้งเป็น อย่างโหดเหี้ยมนับร้อยศพ.. มีเรื่องเล่าว่า นักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงอยู่ ต่างพากันวิ่งหลบหนีไปตามส่วนต่างๆ ของมหาวิทยาลัย และมีนักศึกษากลุ่มหนึ่ง หลบหนีเข้าไปอยู่ในลิฟท์ของตึกคณะศิลปศาสตร์ โดยหวังว่าจะหลบหนีเอาชีวิตรอดไปที่ชั้นอื่น แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้น.. เพราะทันทีที่ประตูลิฟท์เปิด พวกทหารก็กระหน่ำยิงเข้ามาในลิฟท์อย่างทารุณ จนเสียชีวิตทั้งหมด โดยที่ภายในลิฟท์นั้น ถูกฉาบไปด้วยสีแดงฉาน ของคราบเลือดผู้เสียชีวิต.. ภายหลังที่เหตุการณ์สงบ ก็ได้มีการบูรณะมหาวิทยาลัย แต่คราบเลือดในลิฟท์ตัวนั้น ล้างอย่างไรก็ไม่ออก! สุดท้ายจึงต้องทาสีแดงทับลงไป จนภายหลังถูกเรียกว่า ‘ลิฟท์แดง’ จากนั้นก็เริ่มมีเสียงเล่าลือ ถึงความสยองขวัญของลิฟท์ตัวนี้ ทั้งนักศึกษา นักการ และอาจ

ย้ายหอมาเจอผี

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่คุณอุ้มยังเป็นนักศึกษาปี 2 ของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง และในปีนั้นเอง เป็นปีที่มีจัดงานกีฬามหาวิทยาลัยโลก ซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับเลือก ให้นักกีฬาจากทั่วโลกมาใช้สถานที่ โดยทางมหาวิทยาลัยได้ขอให้นักศึกษา ที่อยู่หอกลางย้ายออกชั่วคราว เพื่ออำนวยสถานที่ให้กับนักกีฬา คุณอุ้มเล่าต่อว่า.. เราซึ่งตอนนั้นพักอยู่หอกลาง เลยต้องย้ายออกมาอยู่กับเพื่อนที่หอหญิง เราเองที่อยู่หอกลางของมหาวิทยาลัยมาเกือบ 2 ปี ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรมาก่อน แต่พอย้ายไปอยู่กับเพื่อนที่หอหญิง วันนั้นล่ะ เป็นวันที่เรียกได้ว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ.. ห้องที่เราไปอยู่กับเพื่อน เป็นห้องนอนสำหรับ 3 คน คืนแรกที่เราไปอยู่ เราก็ไปนอนเตียงกลาง เพราะว่ามีเพื่อนคนนึงยังไม่กลับมาที่หอ.. ตอนนั้นเริ่มดึกแล้วน่าจะเกือบๆ เที่ยงคืน เราก็เริ่มง่วง สะลึมสะลือได้ที่ พอกำลังจะหลับ ก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน แต่ฟังไม่ได้ศัพท์ เราเลยตื่นขึ้นมา แวบแรก คิดว่าเป็นเพื่อนที่นอนอยู่เตียงข้างๆ คุยโทรศัพท์กับแฟน เลยเรียกชื่อเพื่อนไป แต่เสียงที่ตอบกลับมาก็คือ ‘คร่อก..’ เพื่อนหลับไปแล้ว.. เราก็คิดใ

ใครที่ตามฉันมา

รูปภาพ
เรื่องจริงที่ส่งเข้ามาจากคุณกลอย ซึ่งมีอาชีพเป็นพยาบาล ประจำโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว คุณกลอยเล่าว่า.. ตอนนั้นเราเป็นพยาบาล อยู่วอร์ดหญิงรวม คืนที่เกิดเหตุ เราเป็นหัวหน้าเวร เลยต้องอยู่ส่งเวรต่อให้เวรดึก เลยกลับช้ากว่าคนอื่น กว่าจะลงเวรก็ประมาณตี 1 หลังจากเราส่งเวรเสร็จ ก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับหอพักพยาบาล เรามีความรู้สึกว่า คืนนี้มันแปลกๆ เงียบๆ ยังไงบอกไม่ถูก.. ระหว่างทางกลับ เราต้องผ่านห้องเก็บศพ พอขี่มาถึงหน้าห้องเก็บศพ มอเตอร์ไซค์เราก็ดับวูบไปเฉยๆ และที่แปลกคือ กุญแจรถมันถูกบิดกลับเอง! เราก็แปลกใจ รีบบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องด้วยความรวดเร็ว สตาร์ทประมาณ 2-3 รอบถึงจะติด แต่คราวนี้รู้สึกได้เลย ว่ารถมันเร่งไม่ค่อยขึ้น มันหน่วงๆ เราลองมองกระจกหลังนะ แต่ก็ไม่เห็นอะไร ก็โล่งใจไป จนขี่กลับไปถึงหน้าหอพัก เรากำลังจะเลี้ยวรถไปจอดใต้ต้นมะม่วงข้างหอ ก่อนเลี้ยวเรามองไปก่อนว่ามีรถจอดมั้ย เราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใต้ต้นมะม่วง ทีแรกก็คิดว่าเป็นน้องพยาบาล คงเพิ่งลงเวรมาเหมือนกัน แต่แค่เสี้ยววินาทีที่หันไปอีกทาง แล้วก็เลี้ยวรถมาเรามองอีกที กลับไม่มี