ที่นี่มีใครอยู่ไหม?



เรามีพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง ชื่อพี่ศรี พี่ศรีเนี่ยจะเป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่นตลอดเวลา.. อยู่มาวันนึงพ่อพี่ศรีแกเสีย ทางบ้านพี่ศรีก็จัดงานศพให้ จนผ่านไป 7 วันก็เผา งานเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร
วันรุ่งขึ้น พี่ศรีก็ไปเก็บกระดูกพ่อเค้ากับญาติๆ ซึ่งต้องไปเก็บในเมรุ ขณะที่กำลังจะเก็บกระดูก พี่ศรีแกก็เคาะๆ ประตูเมรุ ชะโงกหน้าเข้าไปข้างในแล้วร้องเพลง ‘มีใครอยู่บ้างมั๊ยครับ ถ้าหากว่ามีส่งเสียงหน่อย..’ ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บจนเสร็จ และนำไปลอยอังคาร..
ตกตอนเย็น พี่ศรีก็กลับบ้าน บ้านพี่ศรีจะเป็นบ้านชั้นเดียว อยู่กับพี่ชาย.. ก็ทำนู่น ทำนี่ไปเรื่อยจนค่ำพอดี พอเห็นว่ามืดแล้ว พี่ศรีก็จะเดินไปปิดหน้าต่างบ้าน (หน้าต่างจะมีมุ้งลวด และเหล็กดัดอีกชั้นหนึ่ง) พอมองไปก็เห็นว่ามีเงาคนยืนอยู่ตรงหน้าต่างด้านนอก ห่างจากบานหน้าต่างไปประมาณ 2 คืบได้.. พี่ศรีก็ชะโงกหน้าไปดู เพราะมองผ่านมุ้งลวดในช่วงโพล้เพล้ มันจะเห็นไม่ชัด พอพี่ศรีชะโงกเข้าไป คนนั้นก็ชะโงกเข้ามาด้วย พี่ศรีเลยผงะออก ตกใจ คนนั้นก็ผงะออกด้วยเหมือนกัน..
ทีนี้พี่ศรีก็กำลังจะเดินไปที่ประตูบ้าน จะออกไปดูว่าใครมา ซึ่งก็ต้องเดินผ่านหน้าต่างอีกบาน ก็มีเงาคนยืนอยู่อีก ถึงจะเห็นไม่ชัด แต่ดูออกว่าเป็นคนละคนกัน เลยมองกลับไปที่หน้าต่างบานเดิม ก็ยังคงมีเงาคนอยู่! พี่ศรีก็เริ่มกลัวละ คิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพรึเปล่า เลยจะไปเรียกพี่ชายที่อยู่ในห้องมาดู พอพี่ศรีเดินหันหลังให้หน้าต่าง คราวนี้เป็นเสียงคนเคาะหน้าต่างทุกบาน รวมถึงประตูด้วย ‘ตึงๆๆ’ เหมือนมีคนมาล้อมบ้านแล้วกระหน่ำเคาะ!
พี่ศรีตกใจร้องโวยวายลั่น เรียกให้พี่ชายมาดู บอกว่ามีคนมาล้อมบ้าน พี่ชายแกเห็นท่าไม่ดี เลยลองพยายามมองออกไป ก็ไม่เห็นใคร ได้ยินแต่เสียงเคาะ แต่ตัวพี่ศรีเองเห็นเต็มๆ ว่ามีเงาคนหลายคน มายืนเคาะประตูหน้าต่างบ้าน.. พี่ชายแกรู้เลย ว่าคงโดนผีหลอกแล้วแน่ๆ เลยถามพี่ศรีว่า ‘แกไปท้าทายอะไรไว้รึเปล่า ที่วัดวันนี้?’ พี่ศรีก็ยังนึกไม่ออก จนสุดท้ายคิดได้ว่า ตัวเองได้ไปเคาะเมรุแล้วร้องเพลง ‘มีใครอยู่บ้างมั๊ยครับ ถ้าหากว่ามีส่งเสียงหน่อย..’
พี่ชายเลยบอกว่า ‘พวกเค้าคงตามมาจากวัดนั่นล่ะ พี่ชายแกเลยเปิดประตูบ้านออกไป แล้วตะโกนว่า ‘เอ้า ไหนใครมาจากวัด? มาๆ จะกลับไปส่ง’ (ตัวพี่ชายแกมองไม่เห็นเลยได้แต่ตะโกนไปดังๆ) แล้วก็เดินไปสตาร์ทรถกระบะ พี่ชายแกเล่าว่าสามารถรู้สึกถึงแรงกดของคนขึ้นลงรถได้เลย ส่วนทางพี่ศรีได้แต่ยืนมองตาค้าง.. เพราะเห็นเงาคนจำนวนมาก ปีนขึ้นกระบะรถ จนพี่ชายแกขับออกจากบ้านไป..
พี่ศรีได้ยืนตัวสั่นอยู่ที่เดิม จนพี่ชายขับรถกลับมา คราวนี้มองเห็นแค่รถกระบะเปล่าๆ ที่ไม่มีใครแล้ว พี่ชายแกรีบล้างเท้าเข้าบ้านปิดประตูทันที.. วันรุ่งขึ้นทั้ง 2 คนเลยต้องไปทำพิธีขอขมาที่หน้าเมรุ เพื่อบอกกล่าวว่าตนไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินใดๆ ที่ร้องเพลงไปเพียงเพราะคะนองปากเท่านั้น..

https://mm88.bet/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

八尺様 (ฮาชิชาคุซามะ) ตำนานพื้นบ้านหญิงร่างสูง

เสียงฮัมเพลง ในห้องน้ำที่ทำงาน

ย้อนอดีตรายการผี ในความทรงจำผู้ใหญ่ ที่ต้องเคยดูในวัยเด็ก