บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2019

เฝ้าเวรที่โรงเรียน

รูปภาพ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อ เสือ เรา 2 คนได้ไปเป็นครูฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ครับ ที่โรงเรียนนี้จะมีหน้าที่ให้ครูผู้ชายทุกคนผลัดกันอยู่เวรนอนที่โรงเรียน เพื่อดูแลโรงเรียนช่วงตอนกลางคืน โดยจะแบ่งวันสลับกันไปครับ วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมต้องไปนอนเฝ้าเวรที่โรงเรียน ผมเลยชวนเสือมาอยู่เป็นเพื่อนครับ หลังจากกลับมาเก็บข้าวของ เรา 2 คนก็ขับรถไปโรงเรียนถึงประมาณทุ่มกว่าๆ ทางโรงเรียนจะจัดห้องสำหรับให้ครูเวรนอนโดยเฉพาะ ภายในห้องจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมจตุรัส มีกระจกบานเลื่อนรอบ มีแอร์ 1 ตัว และ เตียงเล็กๆ แค่นั้นครับ พอไปถึงโรงเรียนพวกผมก็เก็บของไว้ในห้อง แล้วขับรถออกไปหาอะไรกินกันก่อน กลับมาอีกทีก็ 2 ทุ่มครึ่ง ก็นอนเล่นโทรศัพท์กันไปตามปกติ จนเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ก็ปิดไฟนอนกัน ภายในห้องจะมีแสงไฟสลัวๆ มาจากข้างนอกโรงเรียนเท่านั้น ผมจำได้ว่าผมนอนหลับไปสักพักหนึ่งแล้ว และผมก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะไอ้เสือมันมาเขย่าตัวผมครับ ผมเลยถามมันว่า ‘มีอะไรวะมึง?’ มันบอกผมว่า ‘กูเห็นมีคนเดินผ่านหน้าห้องไปว่ะ มึงไปดูกับกูหน่อย..’ ด้วยความที่ผมกับเสือคิดว่า อาจจะมีค

วิญญาณคนฆ่าตัวตาย ตอนที่ 2

รูปภาพ
..ต่อจากตอนที่แล้ว ผมเดินขึ้นมาถึงชั้น 3 ครับ แต่ตรงบันไดที่จะขึ้นไปต่อชั้น 4 มันดันขาด เหมือนมันพังลงมานานแล้ว มีแต่เศษปูน และเศษเหล็กกองอยู่เต็มไปหมด ระหว่างที่กำลังยืนดูกองเศษของบันไดอยู่ ด้วยความเงียบ เวลามีเสียงอะไรดังขึ้นมันจะดังชัดเจนมาก ‘แอ๊ดดด ด ด  ด’ เสียงเหมือนประตูกำลังเปิดออก พวกเรา 3 คนหันไปพร้อมกันไปยังต้นเสียง ซึ่งเป็นห้องห้องหนึ่งช่วงบริเวณกลางๆ ของชั้น 3 ผมส่องไฟไปยังห้องนั้น ประตูยังคงค่อยๆ เปิดออก แต่จู่ๆ ก็มีมือคนลักษณะผอมแห้งแทบจะเหลือแต่กระดูก มาเกาะอยู่ที่ขอบประตู! ตอนนั้นใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะละครับ ผมหันไปมองไอ้เพื่อน 2 คน ผมถามคำถามด้วยสายตาว่า ‘พวกมึงเห็นใช่ไหม?’ แต่ด้วยสีหน้าของพวกมันที่ทำหน้าตาตื่นกลัวสุดขีด ผมก็คงไม่ต้องรอคำตอบอะไรแล้ว จากภาพที่เห็นมืออันผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูกเกาะอยู่ที่ขอบประตู ทันใดนั้นก็มีใบหน้าที่มีดวงตาลึกโบ๋โผล่ออกมาอย่างช้าๆ ในลักษณะชะโงกออกมา รับกับแสงไฟฉายของผมอย่างจัง! ‘เหี้ยยยยย!’ ผมร้องลั่นพร้อมกับหันหลังกลับทันทีครับ! แต่ก็ไม่ทันเพื่อนอีก 2 คนซึ่งวิ่งลงบันไดไปก่อนหน้าแล้ว โดยเฉพาะไอ้แตง ขาเป๋แต่เสือกวิ่งเร็วชิบหาย! ผม

วิญญาณคนฆ่าตัวตาย ตอนที่ 1

รูปภาพ
จากเรื่อง ไปส่งผี มันเป็นจุดเริ่มต้นของผม และเพื่อนๆ ที่อยากจะทำอะไรห่ามๆ ตามประสาวัยรุ่น พวกเราตั้งชื่อกลุ่มกันว่า แก๊งค์ส่องผี โดยรวมกลุ่มกันแรกเริ่มแค่ไม่กี่คนครับ มีหลักๆ ก็ 3 คนแรก ก็คือผม ไอ้กลม และไอ้แตง (ที่ไปเจอผีซ้อนท้ายผมจากเรื่องที่แล้วนั่นเอง) พวกเราเริ่มปฎิบัติการ ส่องผี ครั้งแรกของแก๊งค์ โดยนัดประชุมกันช่วงบ่ายวันศุกร์หลังเลิกเรียน ที่ห้างโอชอง (อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันไม่มีแล้ว) คุยกันว่าคืนนี้พวกเราจะไปส่องผีกันที่ไหนดี? ไอ้แตงเป็นคนเสนอมาก่อนเลยว่า ที่แรกของพวกเราต้องเป็นที่นั่นเท่านั้น โรงแรมร้าง ซึ่งคนสมัยก่อนจะรู้จักดี เป็นโรงแรมร้างตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเชียงใหม่ มีคำร่ำลือต่างๆ นานาว่าผีดุ มีคนตายที่นี่เยอะมาก และเคยมีวัยรุ่นมาลองของกันเยอะพอสมควร บ้างก็ไม่เจออะไร บ้างก็ถึงกับเข้าโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว แต่ที่ได้ยินเป็นเสียงเดียวกันมากที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องที่คนมักจะมาฆ่าตัวตายกันที่นี่ หลายต่อหลายศพที่เจ้าหน้าที่มาเก็บไป ที่รู้คือไม่ต่ำกว่า 5-6 ราย ไหนจะที่ไม่รู้อีกล่ะ! ซึ่งผมก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดหรอกนะครับว่าเพราะอะไร และทำไม? แต่ที่แน่ๆ คืนนี้พ

ไปส่งผี

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงที่ผมเคยเจอมาครับ สมัยที่ผมไปเรียนที่เชียงใหม่ ผมเรียนอยู่ไทยวิจิตรศิลป์ ช่วงปี 1 ทุกๆ วันผมกับเพื่อนๆ มักจะหากิจกรรมอะไรทำหลังเลิกเรียนเสมอ วันนั้นเราก็เลิกเรียนกันตามปกติ ประมาณบ่าย 3 ครึ่ง ผมก็เล่นบาสอยู่สักพัก เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อ ไอ้แจ็ค ก็ชวนผมตามไปตีปิงปองต่อที่บ้านมัน ผมกับเพื่อนอีก 2 คนก็เลยขี่รถไปบ้านไอ้แจ็คกัน ไปกันทั้งหมด 4 คน มอเตอร์ไซค์ 3 คัน โดยผมกับไอ้แจ็คขี่กันคนละคัน ส่วน ไอ้แตง ซ้อนท้าย ไอ้กลม ก่อนจะไปบ้านไอ้แจ็ค พวกผมก็ขี่รถไปแวะบ้านไอ้แตงกันก่อน เพราะเป็นทางผ่านพอดี ไอ้แตงเอาของเข้าไปเก็บในบ้าน แล้วก็ขออนุญาตพ่อมันไปบ้านไอ้แจ็ค ซึ่งพ่อมันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่จู่ๆ พ่อมันก็ทักผมขึ้นมาว่า ‘ไอ้ชุ’ (เพื่อนสมัยเรียนส่วนใหญ่จะเรียกผมชื่อนี้ครับ มาจากชื่อจริง ชุติพงษ์) ‘เอ็งเป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนะ?’ ผมก็ทำหน้างงๆ พ่อไอ้แตงก็ทักต่อว่า ‘ช่วงนี้เอ็งดวงไม่ค่อยดี ทำอะไรก็ระวังๆ หน่อยล่ะ..’ คือพ่อของไอ้แตงเนี่ยเป็นเหมือนสัปปะเหร่อครับ มีหน้าที่ดูแลเรื่องงานศพของวัด และดูแลหลายๆ อย่างในวัด น่าจะเป็นคนมีของอยู่บ้าง แถมยังดูดวงแม่นมาก

บางสิ่งในบ้าน

รูปภาพ
เราเป็นคนที่พอมีเซ้นส์อยู่บ้างเหมือนกัน จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ แต่ไม่ถึงกับเห็นชัดๆ เข้าเรื่องเลยนะคะ คือครอบครัวเราย้ายบ้านค่อนข้างบ่อย จนกระทั่งได้ย้ายมาอยู่บ้านหลังหนึ่งแถวพัฒนาการ มีคนรู้จักแนะนำมา เป็นบ้าน 3 ชั้นขนาดกลางๆ กว้างพอสมควร ชั้น 2 มี 2 ห้องนอน ชั้น 3 เป็นห้องนอนใหญ่ บ้านเราเปิดกิจการนวดสปา เรากับแม่อยู่ชั้น 3 ชั้น 2 จะเป็นพี่พนักงานนวดมาอยู่ 2 คน ส่วนชั้นล่างก็เปิดให้ลูกค้ามาใช้บริการ บางคืนเราก็ลงไปนอนกับพี่พนักงานด้วย เนื่องจากสนิทสนมกันดี ก่อนที่เราจะย้ายเข้ามาอยู่ ข้างบ้านก็มีคนมาพูดๆ บ้างว่า บ้านหลังนี้เจ้าที่แรงมาก คนที่เคยมาอยู่เจอกันหมด แต่เราก็ไม่ได้คิดมากอะไร จนอยู่ไปสักพัก ก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่มันแปลกๆ เหมือนกันค่ะ เหตุการณ์ที่ 1 : กลางดึกคืนหนึ่ง เรานอนอยู่กับแม่ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเหมือนคนเขย่าประตูห้องนอน ‘กึกๆๆๆ’ ประตูห้องนอนเราเป็นกระจกบานเลื่อน ซึ่งถูกล็อคไว้ทุกคืนก่อนเข้านอน เราได้ยินเสียงเขย่าประตูแรงมาก จนเราต้องลุกขึ้นมาเปิดไฟ และถามแม่ว่า ‘แม่ได้ยินไหม เสียงประตูดัง..’ แม่ก็พยักหน้าว่าได้ยินเหมือนกัน เ

พี่ทิพย์

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวแปลกๆ อาจจะไม่ได้น่ากลัวเท่าไร เป็นเรื่องที่แม่ผมเจอมากับตัวครับ สมัยผมเป็นเด็ก น่าจะเรียนอยู่ชั้น ป.1 แม่ได้จ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงผมกับพี่สาว เพราะช่วงนั้นของขายดี แม่เลยไม่ค่อยมีเวลา พี่เลี้ยงคนนี้ชื่อว่า พี่ทิพย์ แกเป็นคนจังหวัดเพชรบูรณ์ครับ ญาติๆ หามาให้ ยังสาวๆ อยู่เลย พี่ทิพย์แกก็ดีนะ เลี้ยงดี ป้อนข้าว พาไปเล่นสนามหญ้า ซื้อขนมให้ ผมติดพี่ทิพย์เอามากๆ บางวันผมก็ไปนอนกับพี่ทิพย์ที่ชั้น 3 ก่อนนอนแกชอบเล่านิทานบ้าง เรื่องผีบ้าง ซึ่งผมก็ชอบฟัง แต่พี่ทิพย์อยู่ได้ปีกว่าๆ แกก็บอกคิดถึงบ้าน อยากกลับไปทำนา คิดถึงพ่อ คือแม่พี่ทิพย์แกเสียไปไม่นานก่อนที่พี่ทิพย์จะมาเลี้ยงผม บางคืนผมก็เห็นพี่ทิพย์ร้องไห้ ผมถามแก แกก็บอกคิดถึงแม่ จนวันหนึ่งพี่ทิพย์ก็ขอแม่ลาออกเพื่อที่จะกลับบ้าน ผมนี่ร้องไห้เลย ไม่อยากให้แกไป ยายผมต้องเดินมาปะเหลาะพี่ทิพย์ บอกให้ผมโตกว่านี้อีกนิดค่อยกลับ ไม่ต้องห่วงพ่อ ทางนั้นมีพี่น้องเยอะแยะ และยายบอกให้แม่ผมขึ้นเงินเดือนให้พี่ทิพย์อีกหน่อย แม่ผมก็ตกลงไม่ได้ว่าอะไร จนพี่ทิพย์ใจอ่อนยอมอยู่ต่ออีกหน่อย แต่พี่ทิพย์ก็ขอลา 5 วันกลับไปเที่ยวบ้านให้หายคิดถึง เ

วิญญาณทวงของ

รูปภาพ
เป็นเรื่องสมัยเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราโดยตรงนะคะ แต่เกิดกับเพื่อนสนิทเราเอง เรากับเพื่อนสนิทคนหนึ่งได้ย้ายเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยลัยเดียวกัน คณะเดียวกันแต่คนละสาขา ด้วยความที่สนิทกันมานาน ก็เลยเช่าหอพักอยู่ที่เดียวกัน เป็นหอหญิง แต่อยู่คนละห้องนะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัว.. หลังจากนั้น ก็มีเพื่อนร่วมสาขาของเพื่อนสนิทเรา มาเช่าหอพักเดียวกัน อยู่ห้องใกล้ๆ กัน.. เพื่อความไม่งง เราขอตั้งชื่อให้เพื่อนเราแล้วกัน เพื่อนเราที่สนิทกับเรามานาน ชื่อเอ (นามสมมติ) ส่วนเพื่อนร่วมสาขาของเอที่มาเจอทีหลัง พักอยู่อีกห้องใกล้ๆ กัน ชื่อบี (นามสมมติ) เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่เราเริ่มเรียนไปได้ 4-5 เดือน ด้วยความที่เรา 3 คน สนิทกันมากขึ้น เพราะอยู่หอเดียวกัน เดินเข้าออกห้องของกันและกันทั้ง 3 ห้องได้ ไม่มีใครระวังใคร โดยที่ห้องของเอ จะเป็นห้องประจำที่พวกเรามักจะไปรวมตัวกันเสมอ ก่อนแยกย้ายไปนอน.. แต่แล้ว ความผิดปกติก็เริ่มเกิดขึ้นค่ะ เมื่อของของเอเริ่มหายไป ครั้งแรกๆ ก็เป็นเงินไม่กี่สิบบาท พวกเราก็คิดกันว่า เอคงจะซุ่มซ่าม เผลอทำเงินหล่นระหว่างทางบ้าง หรือเก็บไว้ที่ไหนแล้วลืมบ้าง

ทางรักสีดำ

รูปภาพ
คุณเคยมีเพื่อนสนิทในกลุ่มที่มีสัมผัสพิเศษแรงๆ สามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับได้ไหมครับ? ถ้ามี แล้วเขาบอกเขาเตือนอะไร ฟังเอาไว้บ้างก็ดีครับ.. เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มผม สมัยที่เรียนอยู่ ปวช. ปี 1 เพื่อนผมคนนี้มีชื่อว่า นก ครับ เป็นคนบุคลิกห้าวๆ คล้ายผู้ชาย แต่รูปร่างหน้าตาน่ารัก คือถ้าแต่งหญิงหวานๆ จะสวยมากเลย นกจะเป็นคนทักนู่นทักนี่แปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง มีครั้งหนึ่ง นั่งกินขนมกันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตอนเช้าก่อนเข้าเรียน มีเพื่อนผู้ชายอยู่คนละห้องกับพวกผม ใส่ชุด รด. มาเลย เดินมาคุยกับไอ้พันที่นั่งตรงข้ามผม ไอ้พันบอกว่าเป็นเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านมัน เป็นคนชอบชุด รด. มาก บอกเท่ห์ดี ระหว่างที่เพื่อนคนนั้นคุยกับไอ้พัน อยู่ๆ นกก็พูดขึ้นมาว่า ‘ใส่แล้วหล่อดีนะ! แต่คงจะได้ใส่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ..’ พวกผมได้ยินก็หันไปมองหน้านกกันหมด นกไม่พูดอะไร แล้วลุกเดินไปเข้าห้องน้ำเหมือนไม่มีอะไร.. ในวันต่อมา อาจารย์ได้ประกาศหน้าเสาธงตอนเช้าว่ามีเด็กนักเรียนชื่อ-นามสกุลนี้ ไปฝึก รด. แล้วเกิดหัวใจวายเสียชีวิตเมื่อวานนี้ พวกผมพร้อมใจกันหันไปมองหน้านกกันหมดเลย นกได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร..

เงาของใคร?

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกๆ ค่ะ แต่สำหรับเราแล้วถือว่าหลอนเลยทีเดียว.. บ้านของเรามีกิจการร้านอาหารอยู่ 2 ร้านค่ะ ร้านจะปิดประมาณตี 3 ของทุกวัน ปกติเราจะเอามอเตอร์ไซค์มาที่ร้านด้วย เวลาปิดร้านหนึ่งเสร็จ จะได้ขี่ไปยังอีกร้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมาก แล้วค่อยขับรถกลับบ้านกัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นวันที่เราไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์ไปด้วย ทำให้เวลาจะปิดร้าน เลยต้องเดินกันไปอีกร้าน คืนนั้นเราก็เดินกันไป 3 คน มีเรา แม่เรา และพี่วัน ลูกจ้างของแม่.. เผอิญว่าวันนั้นเราทะเลาะกับแม่นิดหน่อย ตอนเดินเราเลยแยกออกมาเดินห่างหน่อย โดยที่แม่กับพี่วันเดินนำกันไปก่อน แล้วเราเดินตามหลัง ซึ่งเว้นระยะห่างพอสมควรเลยล่ะค่ะ เราเลือกที่จะเดินทะลุห้างไป เพราะมันใกล้กว่า ซึ่งห้างที่ว่านี้ปิดตั้งแต่ 5 ทุ่มแล้ว ขณะที่เดินเข้าไปในห้าง แม่กับพี่วันก็เดินไปคุยไป ส่วนเราก็เลือกที่จะเดินตามหลัง แล้วเสียบหูเปิดเพลงฟัง ระหว่างทางก็เดินกันไปปกติไม่มีอะไร แต่พอไปถึงตรงกลางห้าง จะเป็นช่วงที่มืดพอสมควรเพราะเค้าปิดไฟกันหมดแล้ว เราก็เดินไปเบื่อๆ ก็เริ่มหาอะไรเล่น เลยยื่นมือออกไปข้างๆ แล้วแกว่งมือ จินตนาการว่ากำลังจับมื

ห้องพักคณะกรรมการนักเรียน

รูปภาพ
เรื่องที่จะเล่านี้เกิดขึ้นสมัยผมเรียนอยู่ ปวช. ปี 2 ครับ ตอนนั้นผมเป็นคณะกรรมการนักเรียนครับ ครั้งหนึ่ง อาจารย์ได้คัดเลือกกรรมการนักเรียน 6 คน เพื่อที่จะลงไปดูพื้นที่ที่จะใช้ในการจัดนิทรรศการ และการแข่งขันทางทักษะ ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ในกลุ่ม 6 คนที่ถูกเลือกเป็นชายล้วน คือรุ่นพี่ปี 3 4 คน ปี 4 1 คน และปี 2 1 คน คือผมเอง แต่ก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนอาสาไปเป็นคนที่ 7 ครับ พี่แกอ้างว่าไม่ไว้ใจผู้ชาย กลัวเงินที่ออกให้จะหมดก่อน พี่แกชื่อหยก อยู่ปี 3 คนนี้แหละคือเจ้าของเรื่องที่จะเกิดขึ้นครับ พวกเราออกเดินทางไปจนถึงวิทยาลัยแห่งนั้นก็เย็นแล้ว ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนเป็นอาจารย์ พาไปยังห้องพักที่ทางวิทยาลัยจัดไว้เป็น 2 ห้อง ชาย 1 หญิง 1 เท่ากับว่าพี่หยกต้องนอนคนเดียว แต่พี่หยกแกกลัว เลยจะขอมานอนด้วย แต่ฝั่งผู้ชายบอกว่า ให้ผมเป็นคนไปนอนเป็นเพื่อนแทน เพราะพวกพี่เขาจะกินเหล้ากัน ซึ่งผมไม่กิน สุดท้ายผมก็ยอมไปแต่โดยดี ลักษณะห้องจะเหมือนกันหมด คือสำหรับ 6 คนนอน ห้องน้ำอยู่ด้านหลัง ผมเลือกเตียงมุมห้อง พี่หยกแกนอนกลางห้อง.. พอเข้าห้องผมก็อาบน้ำก่อน แล้วกลับเข้ามานอนบนเตียงหยิบหนังสือ

คืนที่ฟ้าไร้ดาว

รูปภาพ
ผมเป็นทนายความอยู่ที่จังหวัดยโสธรครับ เรื่องที่จะเล่านี้เกิดขึ้นตอนผมอายุประมาณ 9 ปี ซึ่งก็ผ่านมานานมากแล้วครับ แต่มันยังคงชัดเจนติดตาเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเลย สมัยนั้นที่บ้านผมมีอาชีพขายส่งโอ่งมังกร และเครื่องปั้นดินเผา แต่บางช่วงของปีที่ขายไม่ค่อยดี พ่อผมก็จะเปลี่ยนไปขายของตามฤดูกาลแทน ซึ่งช่วงนั้นแตงโมกำลังขายดี พ่อผมก็เลยจะไปซื้อมาเร่ขาย และหมู่บ้านที่ขายแตงโมเยอะๆ ก็คือบ้านคำเกิด ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านของผมไปเกือบ 20 กิโลเมตร โดยการเดินทางจะต้องผ่านหมู่บ้านหนองแฝกเสียก่อน ..และเหตุการณ์มันก็เกิดขึ้นบนเส้นทางระหว่างหมู่บ้านของผมกับบ้านหนองแฝกนี่ล่ะครับ เราเดินทางกันตอนประมาณบ่าย 4 โมง ไปกันทั้งหมด 5 คน มีพ่อ แม่ ผม น้องสาวอายุ 4 ขวบ และลุงอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า ลุงเตี้ย ครับ เดินทางไปโดยรถกระบะตอนเดียว โดยที่ผมกับลุงเตี้ยนั่งกระบะหลัง สมัยนั้นทางเส้นนี้เป็นถนนลูกรัง หลุมบ่อเพียบ แถมไม่มีไฟส่องสว่างเลย ความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ทางเส้นนี้จะเชื่อมระหว่างถนนแจ้งสนิท (ทางหลวงหมายเลข 23) กับถนนอรุณประเสริฐ (ทางหลวงหมายเลข 202) ขาไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ แต่เราเสียเวลาตระเวนหาแ

ถนนดินทรายยามดึก

รูปภาพ
เตี้ยเป็นคนภาคอีสานค่ะ เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่ภาคอีสาน ด้วยความที่ไม่ได้กลับบ้านเกิดมานานมาก ทำให้เตี้ยตระเวนไปเยี่ยมเพื่อนๆ ญาติๆ ตามหมู่บ้านต่างๆ แทบจะทุกวัน จนมีวันหนึ่ง เตี้ยให้พี่ชายคนรองขับรถพาไปเยี่ยมย่า และบรรดาอาๆ ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งห่างออกไปราวๆ 5 กิโลเมตร ตอนแรกพี่ชายก็บ่นบอก ‘เอาไว้พรุ่งนี้ได้ไหม? นี่ก็ 4 โมงเย็นแล้ว เวลาเตี้ยไปหาเพื่อนหาญาติ ชอบติดลม พี่ไม่อยากขับรถตอนกลางคืน ไฟหน้ารถมันไม่ค่อยดี..’ พี่ชายคนรองเตี้ยบ่นซะยาว เตี้ยเลยบอกกับพี่ชายว่า ‘ถ้าไม่พาไป งั้นเอากุญแจรถมา เตี้ยไปเองก็ได้ ถ้าเมาแล้วขับอย่ามาบ่นทีหลังละกัน..’ พอพูดจบ ทั้งแม่ทั้งพี่ชายรีบร้องห้ามใหญ่ บอกห้ามไปคนเดียวนะมันอัตราย เดี๋ยวนี้บ้านเราไม่เหมือนเมื่อก่อนหรอกนะ สุดท้ายพี่ชายคนรองก็ต้องขับรถไปส่งเตี้ยจนได้ เตี้ยนั่งหน้าข้างพี่ชาย ตามองสองข้างทางที่เปลี่ยนไปมาก ถนนเส้นที่พี่ชายพามาเป็นเส้นทางลัด เป็นถนนดินทรายที่ชาวบ้านเขาใช้เวลาไปไร่ไปนา สองข้างทางที่เตี้ยจำได้มันเคยเป็นไร่มันสำปะหลัง แต่ตอนนี้เป็นไร่อ้อยแทน เตี้ยชวนพี่ชายคุยไปเรื่อย แต่ส่วนมากพี่ชายก็จะตอบมาแ

องค์แม่ของมหาวิทยาลัย

รูปภาพ
เราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านเขาดินนะคะ เดิมมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นวังเก่าแก่ จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือกันมายาวนาน เรียกกันว่า องค์แม่ ค่ะ ทั้งอาจารย์ และนักศึกษาต่างเคารพมาก.. ช่วงที่เราเป็นนักศึกษาปี 1 เพิ่งย้ายเข้ามา ก็ยังไม่ค่อยรู้ประวัติดีนัก เลยไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้เราหันมาเชื่อเรื่องนี้สนิทใจเลยค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทำงานหนักมากทั้งโปรเจค และอะไรหลายๆ อย่าง และสถานที่ที่ดีที่สุดในการทำงานสำหรับพวกเราก็คือห้องสมุดค่ะ ที่ตึกห้องสมุด ชั้นแรกจะเป็นห้องการเงิน ที่สำหรับชำระค่าเทอมอะไรพวกนั้น ส่วนห้องสมุดจะอยู่ชั้น 2 และ 3 วันนั้นเรากับเพื่อนๆ ก็ไปหาหนังสือที่จะใช้ทำโปรเจค หาไปเรื่อย คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย แล้วระหว่างที่ทำงานกันไปสักพัก เพื่อนในกลุ่มเราคนหนึ่งชื่อ พลอย (นามสมมติ) ก็ได้เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดไทยมีสไบคล้ายนางรำ เดินอยู่ตรงระหว่างบันไดชั้น 2 ที่จะขึ้นไปชั้น 3 แต่พลอยก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าอาจจะมีการรำการแสดงอะไรสักอย่างหรือเปล่า พลอยมันก็พูดลอยๆ ขึ้นมาว่า ‘คณะศิลปกรรมมีแสดงเหรอวะ?’ แต่พวกเราก

เธอคือผู้หญิงคนนั้น

รูปภาพ
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของพี่คนนึงที่ผมสนิทครับ พี่เขาชื่อว่า กานต์ บ้านพี่เขาอยู่แถบชานเมืองติดกับคลอง แถวบ้านมีท่าน้ำยื่นออกไป ในคลองเต็มไปด้วยผักตบชวา พี่กานต์บอกผมว่าเพิ่งจะหายจากอาการทางประสาท ผมเลยถามว่าทำไมถึงเป็นล่ะครับพี่? แกบอกเจอผีแล้วช็อคไง อยากฟังไหม? ผมพยักหน้า พี่กานต์เล่าให้ฟังว่า.. ย้อนกลับไปเมื่อปี 6 ปีก่อน พี่ทำงานเป็นเซลล์ขายของ กลับบ้านไม่ค่อยจะตรงเวลาเท่าไหร่ บางครั้งก็หัวค่ำทุ่ม 2 ทุ่ม บางครั้งก็เที่ยงคืนตี 1 ตี 2 ก็มี มีวันหนึ่ง พี่กลับมาจากที่ทำงานประมาณ 3 ทุ่ม เดินขึ้นสะพานไม้ข้ามคลอง กำลังเดินๆ อยู่ได้ยินเสียงคนเดินตามหลังมา หันกลับไปดูเป็นสาวออฟฟิศคนหนึ่งเดินขากะเผลกอยู่ พี่เห็นเลยหยุดถามว่า ให้ช่วยอะไรไหม ใส่ส้นสูงแบบนั้นเดินลำบาก หากไม่รังเกียจกันจะพยุงไปส่งบ้านดีไหม? เธอคนนั้นยิ้มแล้วพยักหน้าให้ พี่เลยเข้าไปช่วยพยุง เธอบอกให้ไปส่งที่ท่าน้ำหน่อย พี่ถามว่าทำไมไม่ให้ไปส่งที่บ้านล่ะ? เธอบอกว่าเดี๋ยวแฟนจะมารับ.. พอไปถึงที่ท่าน้ำเธอบอกขอบคุณ พี่ถามว่า ดึกแล้วนะ แฟนจะมารับตอนไหน? เธอบอกว่า อีกแป๊ปเดียวค่ะ แล้วพี่ก็ขอตัวกลับบ้านไป.. พอตอนเช้าพี่มีงาน

พี่โจ บอยสเก๊าท์

รูปภาพ
ตอนนี้เราได้มาเล่นดนตรีอยู่ที่สปป.ลาวค่ะ ทางร้านที่เราเล่นได้มีการจัดคอนเสิร์ทของวง บอยสเก๊าท์ ซึ่งก่อนหน้าถึงวันงาน 7 วัน ก็ได้รับข่าวไม่ดีของพี่โจ หนึ่งในสมาชิกวง พวกเรารู้เรื่องกันก่อนที่ข่าวจะลง เพราะพวกนักดนตรีวงในส่งข่าวกันมาก่อน ทางร้านก็เลยลุ้นว่า พี่ต๊ะ กับ พี่ดิ๊บ จะยกเลิกงานคอนเสิร์ทไหม สรุปว่าไม่ยกเลิกค่ะ พี่ๆ ทั้งสองยังคงมากัน โดยวงเราต้องเล่นแบคอัพให้พี่ๆ เค้า 2 ร้าน 2 วัน วันแรกผ่านไปด้วยดีค่ะ แต่ก็คุยกันถึงเรื่องพี่โจตลอด พี่ต๊ะ กับ พี่ดิ๊บก็บ่นคิดถึง บอกว่าถ้ามันมานะ มันจะอย่างงั้นอย่างงี้.. ก็พูดคุยกันไปด้วยความคิดถึงพี่โจที่จากไป พอมาถึงวันที่ 2 ก่อนงานจะเริ่ม ประมาณ 6 โมงเย็น พี่ๆ เข้ามาซาวด์เช็คกันที่ร้าน ด้วยความที่เป็นผับ เปิดไฟแค่บนเวทีมันก็จะสลัวๆ ตามสไตล์ ต้องบอกก่อนว่าพี่ดิ๊บใส่เสื้อกล้ามสีขาว พี่ต๊ะใส่เสื้อยืดสีดำ เรายืนเซ็ทไมค์ให้พี่ๆ อยู่ เสร็จแล้วก็ยื่นให้พี่ดิ๊บ แล้วก็มองหาพี่ต๊ะ ซึ่งไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน พี่ดิ๊บเลยโทรตาม พี่ต๊ะบอกว่ายืนอยู่หน้าร้านกำลังเดินเข้ามา พี่ดิ๊บเลยเดินขึ้นเวทีไป เราก็ก้มหน้าทำไมค์ต่อ สักพักได้ยินเสียงคนผลักประต

ดอกลีลาวดี

รูปภาพ
ผมเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งครับ ครั้งหนึ่ง ผมกับเพื่อนที่ทำงานวางแผนจะไปเที่ยวทะเลที่พัทยา และค้างคืนที่บ้านพักสวัสดิการของพนักงาน ไปกันทั้งหมด 10 คนครับ วันแรกที่เราไปถึง เราก็ออกเที่ยวกันตามปกติ นั่งเรือไปเกาะล้าน ตกเย็นก็กลับมาทำอาหารกินกันเองที่บ้านพัก ดื่มเหล้าเฮฮาตามประสาคนมาพักผ่อน พอกรึ่มๆ ได้ที่ ผมก็คิดอะไรแผลงๆ ชวนเพื่อนอีก 2 คนไปถ่ายวีดีโอเล่นแถวริมหาด จำได้แม่นว่าเป็นแถวถนนพระตำหนัก ซึ่งผมก็เดินกันไป 3 คน โดยมีเพื่อนคนหนึ่งถือกล้อง อีกคนถือไฟฉาย ส่วนผมเป็นพิธีกรครับ.. เราเดินกันไปตามชายหาดที่ค่อนข้างมืด ไม่มีไฟสักดวง ผมก็ให้เพื่อนถ่ายไปเรื่อยๆ และผมก็เริ่มบรรยายบรรยากาศอันน่าสยองให้ฟังไปด้วย เหมือนรายการผีอะไรอย่างนั้นน่ะครับ ต้องบอกก่อนว่า ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสางสักเท่าไหร่ บวกกับอารมณ์กำลังมึนเมาได้ที่ เลยพูดไปเรื่อยเปื่อย ผมกับเพื่อนพยายามมองไปรอบๆ เพื่อหาสิ่งผิดปกติ แต่ก็สุดท้ายก็ไม่พบอะไร คิดในใจว่าคงหมดสนุกแล้วล่ะมั้ง เลยตัดสินใจเดินกลับที่พัก ระหว่างที่เดินกลับ ผมก็เดินไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง ลักษณะเป็นกองดินเล็กๆ มีดอกลีลาวดีวางไว้ ข้างๆ มี

ปอบรอบกองไฟ

รูปภาพ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วครับ ผมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ก็มักจะมีการประท้วงโบนัสกันเกือบทุกปี แต่ในด้านดีๆ ก็คือจะมีการออกค่ายอาสาอยู่เป็นประจำ ในส่วนของการประท้วง ผมจะไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเขาสักเท่าไหร่ สู้เอาเวลาตรงนั้นมานั่งแช่งเมียที่ห้องดีกว่าอีก แต่ถ้าเป็นการออกค่ายอาสา ผมจะไปทุกปี เพราะผมเป็นคนหน้าตาดี นิสัยดี จิตใจดี ชอบทำความดี.. ตอนนั้นใกล้ถึงวันออกค่าย ผมจึงไปตัดผมใหม่เพื่อให้ตัวเองดูสะอาดเรียบร้อย พอกลับมาถึงห้องเมียผมยังชมผมเลยว่า ‘ตัดผมแล้วหล่อเหมือนซีอุยเลย’ แล้วพอถึงวันเข้าค่าย ผมกับเมียจะต้องนั่งรถไปกับ พี่เก่ง ตอนแรกว่าจะเอารถผมไปเอง แต่ว่าไม่น่าจะเสี่ยง เพราะแค่แมลงบินชนกระจกเครื่องแม่งก็ดับแล้ว เราออกเดินทางกันตอนเที่ยงคืน กะว่าจะไปถึงนั่นเช้าพอดี แต่ผมกลัวว่าถ้าให้พี่เก่งขับ เราจะไปถึงเช้าของอีกวันหนึ่งแทน เพราะแกขับรถเร็วกว่ายายปั่นจักรยานนิดเดียว ผมจึงต้องขับเองครับ พอไปถึงก็เช้าพอดี พวกพี่ๆ ที่ไปถึงก่อนเห็นผมมาก็เดินเข้ามาทักผม ‘มาแล้วหรอ ณเดช?’ ผมก็ตอบไปว่า ‘ทักผิดคนแล้วพี่ ผมมาริโอ้ต่างหาก..’ แล้วเราก็บำเพ็ญประโยชน์กันทั้งวัน จนถึงตอนเย็น ก็จะมีการท

คาถาเรียกวิญญาณ

รูปภาพ
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเราเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ตอนนั้นเราอยู่ปี 2 และได้ย้ายมาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนเราอีกคนค่ะ ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ยกสูงจากพื้นประมาณ 2 เมตร มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ..อยู่มาคืนหนึ่ง แฟนเราก็มาที่บ้าน และก็กำลังนั่งดูรายการผีในโทรทัศน์กันอยู่ มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งของรายการ ที่จะมีการท่องคาถาเรียกวิญญาณ เพื่อมาพูดคุยกัน ตอนนั้นเราก็แอบคิดในใจว่า ‘แล้วถ้าวิญญาณที่สถิตย์อยู่แถวนี้ได้ยิน เขาจะมาไหมนะ?’ แต่เราก็แค่คิดเล่นๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร พอรายการจบ เพื่อนเราก็แยกตัวไปนอน ส่วนเรากำลังจะลงไปส่งแฟนที่รถ แต่ยังไม่ทันก้าวลงบันได จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเพื่อนกรี๊ด แล้ววิ่งออกจากห้องมาหาเราด้วยสีหน้าหวาดกลัว เหมือนตกใจอะไรบางอย่าง เรารีบถามเพื่อนว่า ‘เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น?’ แต่เพื่อนยังอยู่ในอาการตกใจ ไม่ยอมพูดอะไร บอกแค่ว่า ‘แกช่วยไปปิดม่านให้หน่อย..’ ที่ห้องนอนของเพื่อนเรายังคงปิดไฟอยู่ มีเพียงแสงสลัวๆ จากห้องโถงสาดเข้าไปในห้องนอน ในใจเราคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ เดินเข้าไปปิดม่านให้ โดยเปิดไฟห้องก่อน พอไปถึงตรงหน้าต่างกำลังจะเอื

เจ้าที่ไม่อนุญาต

รูปภาพ
เราชื่อเนเน่ ตอนนี้อายุ 17 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 ค่ะ เนเน่ทำงานเสริมเป็นนักร้องตามวงดนตรีต่างๆ ด้วย ซึ่งการเป็นนักร้องแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเป็นงานกลางคืนทั้งนั้น และมักจะต้องเจอเรื่องเเปลกๆ อยู่บ้าง อีกอย่างเนเน่เป็นคนมีเซ้นส์ค่ะ ที่รู้ว่าตัวเองมีเซ้นส์ก็ตอนไปดูดวงเมื่อต้นปี 2558 ที่ผ่านมา หมอดูเขาทักน่ะค่ะ.. เรื่องที่จะเล่านี้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง วันนั้นเนเน่มีงานร้องเพลงที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีค่ะ สถานที่เป็นวัดแห่งหนึ่ง พอเลิกเรียนกลับบ้านมา เนเน่ก็อาบน้ำเเต่งตัวนั่งรอรถพี่ๆ นักดนตรีมารับค่ะ พอรถไปถึงที่งาน เนเน่เปิดประตูก้าวขาลงจากรถ พอเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้นล่ะ อยู่ๆ ก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัวเลยค่ะ ทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่ได้หนาวอะไร แถมยังรู้สึกหายใจไม่โล่งอีกด้วย มันแน่นๆ หน้าอก จุกๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่เนเน่ก็ยังทำตัวปกติเหมือนเดิมค่ะ จนเวลาผ่านไป ใกล้เวลาที่จะต้องขึ้นแสดง นักดนตรีก็ขึ้นไปสแตนบาย ไปไหว้ครูกัน จนนักดนตรีเริ่มเทสเสียงกันแล้ว ส่วนเนเน่แต่งตัวเสร็จ และกำลังนั่งหลับตาไหว้ครูอยู่ แต่มันมีอยู่แวบนึงค่ะ มันเหมือนมีเสียงเป็นเสียง