คืนสุดท้ายก่อนสึก
ผมกับเพื่อนได้บวช และปฎิบัติธรรมจนจะครบ 1 เดือน คืนสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันสึก หลวงตาพระลูกวัดท่านมาวานผมกับเพื่อนให้ไปช่วยขนเก้าอี้ ขนโต๊ะ และหนังสือมาเตรียมไว้ พรุ่งนี้จะมีพระมาบวชใหม่เกือบ 10 รูป ที่ท่านมาวานผมกับเพื่อน เพราะพระลูกวัดรูปอื่นรับกิจนิมนต์ไปงานศพกันหมด ท่านบอกว่า ‘ของทั้งหมดอยู่ชั้นบนของกุฏิข้างๆ โรงทาน ห้องข้างในสุดนะ..’ พอท่านเอากุญแจให้ ผมกับเพื่อนก็เดินไปที่กุฏินั้น
เดินขึ้นบันไดไปถึงชั้น 2 แล้วมองตรงไปจะเห็นห้องอยู่ 4 ห้องเรียงกัน แต่ทุกห้องคล้องแม่กุญแจไว้หมด ผมก็เดินไปห้องสุดท้ายที่เก็บของ แต่มาแปลกใจตรงห้องที่ 2 ที่มันมีผ้าสีเขียวโผล่มาจากใต้ประตู คือประตูห้องมันจะยกสูงจากพื้นประมาณ 4-5 นิ้วครับ.. ผมกับเพื่อนก็เดินข้ามไปไม่ได้คิดอะไร ขนเก้าอี้ ขนของต่างๆ ลงมา และทุกครั้งที่กลับขึ้นไป ผ้าสีเขียวที่โผล่ออกมามันจะยื่นออกมามากขึ้นเสมอ ประมาณ 2-3 นิ้ว จนรอบสุดท้ายที่ขนของกันเสร็จ เพื่อนผมที่เดินตามหลังมา มันเผลอไปเหยียบผ้าเขียวนั้นเข้า แล้วก็มีเสียงดังออกจากในห้องนั้น เป็นเสียงร้องว่า ‘โอ้ย’ ทีนี้เพื่อนผมมันเลยสงสัยว่าเสียงอะไร? มันเลยก้มลงเอาหน้าแนบกับช่องประตูด้านล่าง พอมันดูเสร็จมันก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะรีบเดินมานั่งตรงระเบียงข้างๆ ผม
ผมก็เลยเดินไปก้มดูบ้างว่ามันเห็นอะไร? และสิ่งที่ผมเห็นจากช่องใต้ประตู คือใบหน้าผู้หญิงผมยาวผิวขาวปากแดง กำลังนอนหันหน้าออกมามองผม แบบตาประสานตา ระยะประชิดแค่คืบเดียว ที่หูของเธอทัดดอกชบาสีแดง และที่สำคัญผ้าสีเขียวที่โผล่ออกมาจากช่องประตูก็คือผ้าสไบที่เธอใส่อยู่นั่นเอง! เธอยิ้มแล้วพูดกับผมว่า ‘มองอะไรจ้ะ?’ พร้อมกับทำเสียงหัวเราะในลำคอ ตอนนั้นผมนี่รู้สึกเหมือนจะวูบเลยครับ ค่อยๆ ลุกกลับมานั่งกับเพื่อน.. พอตอนกำลังจะเดินลงไป ก็ได้ยินเสียงลูกบิดห้องที่ 2 หมุนดัง ‘แกร๊กๆ’ มาจากข้างในห้อง พร้อมกับเสียงพูดว่า ‘จะเข้ามาไหมๆ’ ผมกับเพื่อนนี่รีบวิ่งลงบันไดทันทีเลย
ลงไปพอดีเจอหลวงตายืนอยู่ ท่านเลยถามว่าเป็นอะไร? ผมเลยเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็หัวเราะ แล้วบอกว่า ‘มานี่ๆ หลวงตาจะให้ดูอะไร..’ แล้วท่านก็พาผมกับเพื่อนไปยังอีกกุฏิที่อยู่ด้านหลังกุฏิเมื่อสักครู่ ไปยืนอยู่บนระเบียงซึ่งตรงกับห้องที่ 2 นั้นพอดี แล้วท่านก็เอาไฟฉายส่องไปในห้องนั้นที่เปิดหน้าต่างไว้อยู่ สิ่งที่ผมกับเพื่อนเห็น คือชุดไทยของผู้หญิงใส่ไว้กับหุ่นขนาดเท่าคนจริงๆ ตั้งอยู่ตรงเสากลางห้อง เห็นแล้วขนลุกไปหมดทั้งตัวเลยล่ะครับ ท่านบอกอีกว่า ‘ที่เจอน่ะเป็นนางตะเคียนที่สิงอยู่ในห้องนั้น ซึ่งห้องนั้นมีเสาตกน้ำมันอยู่ พระลูกวัดอยู่กันไม่ได้เลย ก็เลยต้องปิดห้องเอาไว้ไม่ได้ใช้ แต่เธอก็ไม่ได้ทำร้ายใครหรอกนะ เว้นแต่พระที่ประพฤติตนไม่ดี บางทีแอบมาโทรศัพท์ คุยกับสีกาบ้าง แอบมากินข้าว มาสูบกัญชาบ้าง บางรูปเจอเธอโผล่มาจากประตูมาชี้หน้าด่าเลยก็มี แต่ที่เรากับเพื่อนเจอน่ะ เธอคงแค่มาหยอกเล่นเฉยๆ..’ ผมเงียบเลยครับ ได้แต่คิดในใจ แค่หยอกเล่นนี่ก็เกือบช็อคตายแล้วนะ.. พอถึงตอนเช้า ผมกับเพื่อนก็ไปสึก และตอนที่รถจะออกจากวัดนี่มองไปที่หน้าต่างนั้น ก็ยังเห็นเธอยืนอยู่เลย ผมกับเพื่อนก็ได้แต่ยกมือไหว้ลา และแผ่เมตตาให้เธอไปครับ..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น