บทความ

ศพพ่อตา

รูปภาพ
เรื่องนี้เคยได้ยินคนเล่าต่อๆ กันมา เป็นเรื่องราวในงานศพของพ่อตาที่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ในงานศพ ลูกเขย 3 คนของพ่อตา ต่างยืนเรียงหน้ากันข้างโลงศพเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย.. ลูกเขยคนโต  มีอาชีพเป็นหมอ ได้พูดขึ้นว่า..  ‘พ่อได้จากพวกเราไปแล้ว.. นี่คือสิ่งที่ผมคงทำให้พ่อได้เป็นครั้งสุดท้าย’  แล้วลูกเขยคนโตก็หยิบเงินสดจำนวน 100,000 บาทใส่ลงไปในโลง และพูดว่า  ‘ผมให้พ่อไปใช้ในภพหน้าครับ..’ ลูกเขยคนกลาง  มีอาชีพเป็นครู เห็นแบบนั้นจึงพูดขึ้นบ้างว่า..  ‘ผมก็คงไม่มีอะไรจะให้พ่อ ตำแหน่งผมก็ยังเล็กอยู่ ผมให้เงินพ่อไปใช้ในภพหน้าแล้วกัน..’  แล้วลูกเขยคนกลางก็หยิบเงินสดจำนวน 70,000 บาท ใส่ลงไปในโลง ส่วน  ลูกเขยคนเล็ก  เป็นตำรวจ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า..  ‘ผมเพิ่งเป็นตำรวจใหม่ๆ เงินเดือนผมก็ยังน้อยอยู่ ผมคงช่วยพ่อได้แค่ 30,000 บาทนะครับ..’  พูดจบลูกเขยคนเล็กก็หยิบเช็คขึ้นมา เขียนตัวเลขลงไป 200,000 บาท และฉีกออกจากเล่มวางใส่ลงไปในโลง แล้วหยิบเงินทอนขึ้นมา 170,000 บาท ก่อนจะร้องห่มร้องไห้เดินจากไป.. Story by  ไม่ทราบที่มา..

ลาก่อนพี่จอม

รูปภาพ
 เรามีพี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เป็นลูกของป้า ชื่อ พี่จอม (นามสมมติ) ตอนนั้นพี่จอมอายุ 19 ย่าง 20 พี่จอมเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย ขยันขันแข็ง ตอนนั้นพี่จอมเองเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ แต่ช่วงปิดเทอม พี่จอมจะกลับมาอยู่บ้าน และหางานทำ ทุกๆ เช้าพี่จอมจะออกไปทำงาน แล้วกลางวันจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน เพราะอยู่ใกล้ๆ วันนั้นก็เป็นอีกวันที่พี่จอมออกไปทำงานแล้วกลับมาทานข้าวกลางวัน เรากำลังเล่นอยู่หน้าบ้าน พี่จอมก็ทักเราปกติ พอพี่จอมทานข้าวเสร็จก็ไปทำงานต่อ แต่ก่อนออกไป ยายเราได้ทักพี่จอมว่า  ‘จอมเป็นอะไรหรือเปล่าลูก เครียดอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าดูหมองๆ’  พี่จอมก็ตอบว่าเปล่าครับ แล้วก็ไปทำงานต่อ โดยที่เราและทุกคนไม่รู้เลยว่า นั่นคือการที่เราจะได้เจอ และได้คุยกับพี่จอมเป็นครั้งสุดท้าย.. ช่วงเวลาเกือบบ่าย 3 ของวันนั้น คุณลุง (พ่อของพี่จอม) ก็ขับรถเข้ามาที่บ้านแล้วบอกทุกคนว่า  ‘จอมเสียแล้ว!’  พวกเราทั้งอึ้ง ทั้งงง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ลุงบอกว่า พี่จอมลงไปซ่อมสายไฟที่อยู่ตรงขอบบ่อปลาในไร่ที่เขาทำงานอยู่ แล้วเจ้าของบ่อยังไม่ได้ตัดกระแสไฟ เท้าของพี่จอมจุ่มลงไปในบ่อเลยทำให้ถูกไฟช็อตเสียชีวิ

ยายสีดา

รูปภาพ
 เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเมื่อปีที่แล้วนี่เอง วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งผมไม่มีงานโอทีต้องไปทำ ผมเลยไปเยี่ยมเพื่อนสมัยเรียน ปวช. ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ไปถึงที่นั่น 8 โมงเช้า ก็นั่งคุยกับเพื่อนผม กับพ่อแม่ และญาติๆ ของมัน.. สักประมาณ 9 โมงเช้า ยายของเพื่อนผมก็ชวนไปวัดที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน ผมก็ไม่ติดอะไรอยู่แล้ว เลยตกลงไปกับครอบครัวของเพื่อนผม ไปถึงวัดก็เดินไปกราบไหว้พระในโบสถ์ เนื่องจากครอบครัวของเพื่อนผมรู้จักกับพระอาจารย์ เลยสนทนาธรรมกันนาน ผมจึงขอตัวลงมาเดินเล่นข้างล่างโบสถ์ แล้วผมก็มองไปเห็นคุณยายคนหนึ่ง ผมสีดอกเลาทั้งหัว อายุน่าจะเกิน 90 ปีแล้ว กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหิน สายตาของคุณยายแกเหม่อมองไปที่ประตูทางเข้าวัด และไม่รู้ผมคิดยังไง ผมเดินตรงไปหาคุณยายพร้อมกับทักแกว่า ‘ยายครับ ผมนั่งคุยด้วยได้ไหมครับ?’ ยายแกก็ตอบมาว่า ‘ได้สิลูก ว่าแต่หนูเป็นใคร ทำไมยายไม่เคยเห็นเลยลูก?’ ผมตอบแกไปว่า ‘อ๋อ..ผมมาจากกรุงเทพฯ ครับยาย มาเยี่ยมเพื่อนที่นี่..’ ระหว่างที่คุณยายแกคุยกับผม สายตาของแกก็เอาแต่มองไปที่ประตูทางเข้าวัด ผมเลยถาม ‘ยายมองหาใครอยู่หรือเปล่าครับ?’ ยายบอกผมว่า ‘ยายมองหาลูกหลานจ้ะ ยาย

สยองที่ทำงาน

รูปภาพ
 เมื่อปี 2555 เราได้เข้าทำงานที่บริษัทค้าวัสดุแห่งหนึ่งใน จังหวัดนครราชสีมา เราทำงานโดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า ที่นี่มีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่ จนมาได้ฟังเรื่องเล่าที่พี่ๆ ยาม ของบริษัทเล่ากันคือ บนหลังคา ที่มองจากด้านหน้าประตูทางเข้า มักจะเห็นมีชายหญิงคู่หนึ่ง มานั่งห้อยขาเล่น.. พี่ๆ ยามบอกว่าเห็นประจำจนชินแล้ว แต่เราก็ไม่เคยเห็นนะคะ จนเมื่อเราทำงานผ่านไปได้ 1 เดือน ก็มีพี่พนักงานคนหนึ่งที่ทุกคนรักเสียชีวิตไป แต่เราไม่ทันได้รู้จักพี่เค้านะคะ เพราะเค้าป่วยมานาน ก่อนที่เราจะเข้ามาเสียอีก.. และด้วยความพี่แกเป็นคนรักงานมาก คงจะมีห่วง จน เราเองที่ไม่เคยเห็นหรือรู้จักพี่เค้าเลย ก็ได้เจอ.. ลองนึกดูนะคะ ตึกจะมีลักษณะเป็นห้างวัสดุชั้นเดียว แต่สูงประมาณ 6 เมตร และจะมีช่องระบายลมเป็นบานเกล็ด อยู่ช่วงประมาณเมตรที่ 5 ..เราเห็นผู้ชายใส่ชุดพนักงานบริษัท นั่งห้อยขามองมาทางกลุ่มพวกเรา แต่เราชี้ให้ใครๆ ดู กลับไม่มีใครเห็นกันเลย เราเลยเอาไปเล่าให้พี่ฝ่ายบุคคลฟัง แกเลยค้นเอารูปพี่คนที่เพิ่งเสียมาให้เราดู เท่านั้นล่ะ น้ำตาเราไหลเลย เพราะเป็นคนเดียวกันแน่ๆ ถึงจะเห็นไกลๆ แต่เราจำได้แม่นเลย หลังจาก

ลุงปริศนา

รูปภาพ
ตอนนี้ผมอายุ 31 ปี อาศัยอยู่ที่จังหวัดชลบุรีครับ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ตรงของผมเอง ซึ่งเป็นการเจอเรื่องลี้ลับแบบจังๆ ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตเลยครับ.. ย้อนกลับไปกว่า 20 ปีที่แล้ว ผมน่าจะอายุราวๆ 8-9 ขวบได้ ถึงแม้ว่ายังเด็ก แต่ผมก็จำเหตุการณ์ และคำพูดสำคัญในตอนนั้นได้จนทุกวันนี้.. ครอบครัวของผมทำอาชีพค้าขายผักผลไม้ที่ตลาดสด อยู่ในตัวอำเภอเมืองชลบุรีครับ ขายตั้งแต่เช้าจนถึงประมาณหัวค่ำกว่าจะกลับ ด้วยความที่ผมยังเด็ก ทำให้ผมต้องติดสอยห้อยตามพ่อแม่ไปที่ตลาดสดทุกๆ วันด้วย บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังวิ่งเล่นกับเด็กๆ ลูกพ่อค้าแม่ค้ารุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ที่ตลาด อยู่ๆ ก็เห็นแม่กำลังเดินมาหาผม ในมือแม่ถือของพะรุงพะรังมาด้วย พอแม่เห็นผมแม่ก็บอกกับผมว่า ‘ไปลูก วันนี้แม่เก็บร้านเร็ว แม่จะไปธุระหน่อย..’ ผมก็ ‘อ้าว กลับแล้วเหรอแม่ กำลังเล่นสนุกๆ อยู่เลย แล้วแม่จะไปไหนล่ะ?’ แม่ก็บอก ‘เออน่า ไปได้แล้ว’ ทำให้ผมจำใจต้องรีบเดินตามแม่ไป ในใจก็หงุดหงิดตามประสาเด็กที่ยังอยากเล่นอยู่ พอเดินตามแม่ไปเรื่อยๆ ก็เห็นพ่อผมคร่อมรถมอเตอร์ไซค์รออยู่แล้ว ผมกับแม่จึงขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อ

ห้องน้ำบ้านอาก๋ง

รูปภาพ
 มีอยู่วันหนึ่ง ผมและครอบครัวได้กลับไปบ้านของอาก๋งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากที่ไม่ได้กลับไปเป็นเวลานาน อาก๋งผมเป็นซินแสครับ ลักษณะบ้านจะเป็นบ้านชั้นเดียวมีพื้นที่กว้างขวาง มีโรงเก็บโกศ (เถ้ากระดูก) แยกออกมา พื้นที่บ้านรายล้อมไปด้วยสุสาน และต้นไม้ป่ารกชัฏ สมัยก่อนที่ตรงนี้คงราคาถูกอาก๋งผมเลยซื้อไว้ปลูกบ้าน.. ตัวผมเองปกติจะเป็นคนไม่กลัวผีนะครับ เนื่องจากอากาศในบ้านค่อนข้างร้อน คืนนั้นผมเลยออกมานั่งเล่นมือถืออยู่ที่ม้านั่งหินหน้าบ้าน ซึ่งจะอยู่ติดกับโรงเก็บโกศ ข้างๆ จะมีห้องน้ำห้องเล็กๆ อยู่ นึกถึงสภาพห้องน้ำต่างจังหวัดนะครับ พื้นเปียกๆ มีอ่างน้ำ มีขัน.. ตอนนั้นผมนั่งหันหลังให้ห้องน้ำ แล้วสักพักหนึ่งผมก็เริ่มปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำ แต่ได้ยินเสียราดน้ำ เปิดประตู และเสียงคนเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมบอกผมว่า ‘อาเต้อ ห้องน้ำมันลื่นมากนะ ลื้อระวังๆ หน่อยนา..’ ผมจำได้ว่าเป็นเสียงลุงที่เฝ้าโรงเก็บโกศ ก็เลยตะโกนตอบกลับไปว่า ‘ครับลุง’ ก่อนที่ผมจะนั่งเล่นอีกสักพัก แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ เช้าวันต่อมา ผมก็นั่งกินข้าวกับอาก๋ง พ่อแม่ และน้าสะใภ้ แต่ไม่เห็นลุงที่เฝ้าโรงเก็บโกศมากินข้าวด้วยกัน จึงถาม

คนถามทาง

รูปภาพ
เกือบจะครบ 4 ปี ที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมา แต่เรื่องในวันนั้นไม่เคยเลือนลางไปจากใจผม และครอบครัวเลย.. วันนั้นเป็นวันที่ครอบครัวผมจะกลับบ้านที่จังหวัดน่านครับ ไปกัน 4 คน มีพ่อ แม่ ผม และลูกชายของผม เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น เพื่อจะได้ไปถึงน่านตอนรุ่งเช้าพอดีครับ.. ผมเป็นคนขับครับ ก็ขับรถเดินทางไปตามปกติ จนเข้าสู่จังหวัดพิษณุโลก ก็ได้แวะปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อเติมน้ำมัน และพักรถด้วย หลังจากเติมน้ำมัน และเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อย ผมก็ไปจอดรถอยู่ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ เราทั้งหมดก็นั่งพักกันที่โต๊ะหินอ่อนข้างๆ รถ คุยกัน กินขนมกันไป.. ระหว่างนั้นก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเข้ามาทัก เพื่อจะถามเส้นทางไปน่าน เดาว่าคงเห็นรถเราเป็นป้ายทะเบียนน่านน่ะครับ สามีภรรยาคู่นี้เขาบอกว่าเป็นคนน่านเหมือนกัน เพิ่งจะซื้อรถใหม่ป้ายแดงได้อาทิตย์เดียว กำลังจะกลับไปรับลูกสาวที่บ้านเพราะเป็นช่วงปิดเทอม ขับรถก็ไม่ค่อยจะแข็ง และถึงแม้ว่าจะเคยโดยสารรถบัสเดินทางไป-กลับกรุงเทพฯ บ่อยๆ แต่ก็หลับบนรถตลอด พอต้องมาขับเองก็เลยไม่ชินเส้นทาง.. ผมเลยบอกพวกเขาไปว่า ‘ไปเรื่อยๆ ครับ ตรงอย่างเดียว พอถึงเด่นชัยแล้วค่อ